Psychiatrist คือจิตแพทย์
Psychotic patient คือผู้ป่วยโรคจิต
“วันนี้ก็ปวดตัวอีกแล้วหรือครับ คุณชานยอล”
น้ำเสียงใสกังวานสะท้อนเข้ามาในหู พาให้ร่างสูงกล้ามใหญ่ซึ่งนอนนิ่งบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนตอบออกมาเสียงเบาหวิวคล้ายจะเป็นลม
“ครับ คุณแบคฮยอน”
ชานยอลเป็นคนไข้ประจำคลินิกแห่งนี้มาได้กว่าหกเดือนแล้ว
...คลินิกรักษาผู้ป่วยโรคจิต
คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าคนที่เล่นกีฬาออกกำลังกายเป็นประจำ
รูปร่างแข็งแกร่งราวกับจะบีบคนอื่นไว้ในมือ
แต่กลับเป็นคนหัวใจไร้เรี่ยวแรงขนาดนี้ได้
เขาถูกทิ้ง
กว่าหลายปีกับแฟนสาว
ไม่เคยรู้เลยว่าตนเองทำผิดตรงไหน
หาข้อบกพร่องไม่เคยเจอเพราะทุกอย่างก็ทุ่มให้เจ้าหล่อนมาตลอด
แต่ปรากฏว่าหกเดือนก่อน แฟนสาวกลับพาผู้ชายคนอื่นมาร่วมรักบนเตียงนอนที่เขาใช้
เจ็บใจโดนนอกใจไม่พอ หลังจากให้เลือก กลับถูกทิ้งเอาดื้อๆ
เพราะเหตุผลเราไปด้วยกันไม่ได้
เขาสูญสิ้นพลังใจในการใช้ชีวิตต่อ กล้ามเป็นมัดๆ
เกิดจากการออกกำลังกายเกินขนาดติดต่อกัน
บางคนอาจจะใช้ยาเสพติดหรือสุราเพื่อตัดสินปัญหา แต่เขาไม่ใช่
ชานยอลตัดสินใจเข้ายิมตลอดเวลาเมื่อไม่ได้ทำงาน
และนั่นก็ทำให้เขาหมกมุ่นกับการออกกำลังกายจนเกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบทั่วร่าง
ซ้ำยังรู้สึกเหมือนเลิกไม่ได้ เขาต้องทำมันตลอดเพื่อให้ลืมเธอ
นานวันเข้าเขาก็ถูกเพื่อนหามเข้าโรงพยาบาลพร้อมกับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคทางจิต
แล้วถูกส่งตัวเข้ามารักษาต่อที่คลินิกนี้
“คุณยังไปยิมวันละสิบชั่วโมงอยู่หรือเปล่า”
น้ำเสียงใสของจิตแพทย์หนุ่มเข้ามาในโสตประสาทอีกครั้ง
“ผมลดเหลือเก้าชั่วโมงแล้ว”
ตอบเสียงอ่อนพลางพยายามขยับตัวอย่างอ่อนแรง ไอ้โรคกล้ามเนื้ออักเสบบ้านี่
“คนปกติไม่ควรเข้ายิมเกินวันละสามถึงสี่ชั่วโมงนะครับ
ถ้าไม่ใช่นักกีฬา”
“ผมรู้...”
“ใช่ คุณรู้ แต่คุณก็ยังหยุดไม่ได้ใช่ไหม”
“ใช่...”
ชานยอลนอนหลับตา
ครั้งนี้เขาถูกหามมาคลินิกเพราะกินยาแก้ปวดเกินขนาด
ใครให้ไอ้อาการปวดกล้ามเนื้อบ้านี่มันทรมานนัก แม้จะรู้ว่าเกิดจากตนเองเข้ายิมมากเกินไป
แต่มันก็หยุดไม่ได้ ยิ่งเขาออกกำลังกายมากเท่าไหร่
เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าลืมเธอคนนั้นได้มากเท่านั้น
“ผมว่าเราคุยกันมานานจนรู้แล้วนะครับ
ว่าผมอาจจะต้องขังคุณเอาไว้”
นั่นคือวิธีหนึ่งในการรักษาเขา
ขังเอาไว้เพื่อไม่ให้ไปยิมจนกว่าจะรักษาอาการกล้ามเนื้ออักเสบทั่วร่างกายจนหาย
“แต่คุณก็รู้ว่าสุดท้ายผมจะต้องไปยิมอยู่ดี”
ชานยอลก็ตอบไปอย่างที่เคยทำ เขาห้ามตัวเองไม่ได้
พอรักษาอาการเจ็บทางกายเสร็จ เขากลับไปบ้านก็ทำใจไม่ได้
ยิ่งอยู่ในบ้านก็ยิ่งประสาท
ต้องกลับไปยิมแล้วออกกำลังกายเป็นบ้าเป็นหลังอีกครั้งอยู่ดี
“ถ้าอย่างนั้นผมว่าเราอาจจะต้องรักษาแบบใหม่” จิตแพทย์หนุ่มพูดเหมือนราวกับอยู่ใกล้เขามากจนชานยอลสงสัย
จึงลืมตาขึ้นแล้วพบว่าใบหน้าของแบคฮยอนอยู่ใกล้จนปากเกือบจะสัมผัสใบหน้าเขาอยู่แล้ว
“ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะไม่มีวันหาย...” จากนั้นก็เป่าลมเข้าหูชานยอลเบาๆ
หนึ่งครั้ง
ชานยอลขนลุกซู่
ราวกับร่างกายตอบสนองต่อเสียงใสของจิตแพทย์ข้างตัวแบบที่ไม่เคยรู้มาก่อน
เมื่อยามสบตาก็รู้สึกหัวใจแกว่งไกว แถมเมื่อตอนเป่าลมเข้าหูก็...
“ไม่นึกว่าเครื่องจะติดง่ายขนาดนี้นะครับ”
แบคฮยอนยังคงไม่ผละสายตาออกจากเขา
แถมยังวางมือไปยังจุดยุทธศาสตร์ที่ตื่นตัวนั่นเรียบร้อย
“คุณจะทำอะไรน่ะ” ชานยอลพยายามปัดตัวบ่ายเบี่ยง
เขาไม่มีรสนิยมแบบนั้นเพราะคบแต่แฟนสาวมาตลอด
แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไอ้นั่นมันตื่นตัวเร็วจริงๆ
“คุณรู้ดีครับว่าผมจะทำอะไร
คำถามคือผมไม่มีความคิดจะขืนใจคุณสักนิด” พูดพลางแบคฮยอนก็ไม่ละสายตาจากเขา
ชานยอลเดาไม่ออกเลยว่าจิตแพทย์คนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ แต่มือเรียวราวกับหญิงสาวของอีกฝ่ายกำลังหยอกล้อเจ้านั่นของเขาไม่เลิก
แถมไอ้แท่งกลางตัวของเขาก็ยังขืนตัวเล่นด้วยอย่างไม่ฟังเจ้านายด้วยซ้ำ
ชานยอลหวังว่าร่างกายของเขาจะมีแรงหน่อย
คราวนี้เขาออกกำลังหนักไปจริงๆ ปวดกล้ามเนื้อไปทั้งตัวจนยัดยาแก้ปวดลงไปทั้งขวดแบบนั้นถึงได้โดนหามมาล้างท้องที่นี่
แม้พิษยาแก้ปวดจะหายไปแต่อาการปวดตัวยังคงอยู่
ยามนี้แบคฮยอนคร่อมลงนั่งบนตัวเขาแล้ว
ก้นแน่นนุ่มที่ไม่เคยนึกว่าจะอยู่บนร่างของจิตแพทย์หนุ่มกำลังบดเบียดเข้ามาทีละน้อย
“ว่ายังไงครับ อยากรักษาแบบใหม่หรือเปล่า” อีกฝ่ายเริ่มผละใบหน้าออกจากหน้าเขาแล้ว
แต่ส่งนิ้วเรียวที่เพิ่งเล่นกับไอ้น้องกลางตัวมาลากปลายคางให้รู้สึกเสียวเล่น
“ผม...” ชานยอลรู้สึกว่าจิตใต้สำนึกกำลังปฏิเสธ
เขาเป็นคนไข้โรคจิตที่ชอบออกกำลังกาย แต่ไม่ได้ชอบออกกำลังในร่มแบบนี้
กับผู้ชายด้วยแบบนี้...
หรือเขาจะชอบมากกว่า...
มือใหญ่ยกขึ้นมาบีบก้นงอนที่ทิ้งน้ำหนักลงบนตัวเองแล้วก็พลันได้ยินเสียง
“อ๊า” จากปากจิตแพทย์หนุ่ม พร้อมกันนั้นอีกฝ่ายยกปากกาซึ่งมักจะนำมาจดอาการของเขาก็เปลี่ยนเป็นสิ่งที่เอาเข้าปากได้
ปากกาแท่งใหญ่ไม่สมกับความตัวเล็กของจิตแพทย์หนุ่มถูกรูดรั้งเข้าปากเล็กนั่นจนเปียกชุ่ม
คุณภาพปากกาคือโดนลามเลียขนาดนี้ยังไม่เสียหาย
แบคฮยอนสามารถเอามันมาเขียนบนแขนชานยอลได้เป็นคำว่า ‘I like you so much’
แทนที่จะรู้สึกรังเกียจเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่กลายเป็นว่าชานยอลราวกับต้นไม้แห้งเหือดผู้ต้องการน้ำ
มือที่เคยบีบก้นงอนงามตรงเข้าบีบอีกครั้ง จนอีกฝ่ายส่งเสียงครางหวาน
อาการปวดหนึบตรงเจ้าโลกที่ไม่ได้ทำกับใครมานานกว่าหกเดือนเกิดเครื่องติดอย่างหยุดไม่อยู่ทันที
ชานยอลไม่เข้าใจตัวเอง
แบคฮยอนคือจิตแพทย์ผู้รักษาเขามากว่าหกเดือนแล้ว
ไม่เคยเห็นว่าอีกฝ่ายสนใจเขามาก่อน แต่จู่ๆ
มาวันนี้เหมือนอยากจะมีเซ็กส์กับเขามากๆ
ถ้าหากโดนถามเรื่องขึ้นเตียงก่อนหน้านี้เขาคงปฏิเสธ
แต่จากปฏิกิริยาของร่างกายตอนนี้เขาว่า เขาปฏิเสธร่างเล็กนี่ไม่ได้
“ตกลง...” ขาดคำตอบรับ
จิตแพทย์หนุ่มถอดเสื้อกาวน์ออกก่อนจะโน้มหน้าลงมาหาเขาแล้วจูบอย่างหนักหน่วงราวทะเลทรายขาดน้ำ
เสียงครางอื้ออึงในลำคอปลุกทุกประสาทให้ชานยอลตอบสนองกลับ
ลิ้นหน้าเกี่ยวตอบรับลิ้นบาง พร้อมมือทั้งสองยกขึ้นมากอดตระคองไม่ให้ร่างเล็กกลิ้งล้มบนเตียงไปก่อน
ดูเหมือนแบคฮยอนจะเชี่ยวชาญไม่น้อย
หลังจากจูบร้อนแรงก็รู้จังหวะที่จะต้องถอย
มือเรียวตรงเข้าปลดกางเกงซึ่งไอ้นั่นของชานยอลยืนตรงรับมืออีกฝ่ายนานแล้ว
สองขาหนีบเข้ากับหน้าขาแน่นของชานยอลแล้วก็จัดการก้มลงจูบแท่งกลางตัวของเขาอย่างไม่รังเกียจ
ชานยอลต้องฝืนตัวลุกเพราะอยากเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังกลืนกินเขาแบบไหน
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อขนาดเจ้าน้องชายเมื่อขยายเพื่อรับสัมผัสแบคฮยอนกลับใหญ่กว่าที่เคยเป็นมากนัก
“ปกติมันไม่เคยใหญ่ขนาดนี้... อืม...”
ชานยอลพูดคล้ายจะขอโทษเมื่อแบคฮยอนต้องพยายามอ้าปากกว้างอย่างมากเพื่อทำให้เขาได้เสพความสุข
ปากเล็กเชิดหยิ่งที่ชานยอลเคยเห็นตอนนี้กลับอมและดูดแท่งไอศกรีมของเขาไว้เกือบหมด ทั้งจูบ
ขบกัดหรือกระทั่งลามเลียราวกับไม่ให้เสียของ ทะนุถนอมยิ่งกว่าเจ้าของมันเองด้วยซ้ำ
ยอมรับเลยว่าทำเก่งกว่าแฟนสาวของเขาเสียอีก
ชานยอลเผลอคิดแล้วก็สะบัดศีรษะเบาๆ หนึ่งครั้ง
“ไม่ชอบเหรอครับ”
นึกไม่ถึงว่าแบคฮยอนเงยหน้ามามองเขาพอดี
เห็นว่าชานยอลสะบัดศีรษะก็เข้าใจว่ายังไม่ถูกใจ
“ไม่ใช่ อ่าส์” กำลังจะปฏิเสธก็ได้รับสิ่งเกินคาดหมายเมื่อแบคฮยอนกลืนแท่งไฟน้อยของเขาเข้าไปจนเกือบมิดแท่ง
มันทั้งปวดหนึบและเร่าร้อนอยู่แล้ว พอโดนเข้าอย่างนี้ก็เต้นตุบๆ
แบบดีใจจนตัวสั่นเลยทีเดียว ฟันเล็กๆ
ขบกัดเขาให้เสียวมากขึ้นแล้วลิ้นร้อนก็ผลักดันให้แท่งร้อนเข้าออกปากซ้ำๆ
ชานยอลรู้สึกดีจนแทบขาดใจตาย
เขาอยากให้ตัวเองไม่ปวดกล้ามเนื้อเกินไปจนสามารถยกใบหน้าสวยนั้นขึ้นมาจูบอีกครั้งได้
เหมือนว่าใบหน้าเชิดหยิ่งของจิตแพทย์หนุ่มจะกลายเป็นใบหน้าสวยไปเสียแล้วในความคิด
แถมยิ่งตอนมีน้ำอุ่นๆ ของเขาเลอะหน้าแบบนี้
รูดรั้งด้วยปากไม่นานชานยอลก็สุขสม น้ำขุ่นขาวๆ
พ่นออกมาใส่ใบหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ
ชานยอลจำไม่ได้เลยว่าเคยรู้สึกดีขนาดนี้ล่าสุดคือเมื่อไหร่
แต่ตอนนี้มันแสดงออกมาทั้งร่างกายเขาแล้วว่า... ชอบ
และยิ่งชอบขึ้นอีกเมื่อแบคฮยอนกำลังถอดเสื้อ
ร่างบางตรงหน้าถอดเสื้อเชิ้ตซึ่งใส่ประจำออกด้วยการปลดกระดุมทีละเม็ด
เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนปกติปลดกระดุมที่ความเร็วเท่าไหร่
แต่กับแบคฮยอนคือมันช้าเนิบนาบมากนัก
ปลดกระดุมที่แขนเสื้อแล้วก็ค่อยปลดกระดุมเสื้อจากสาบเสื้อขึ้นมา
เผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบขาวนวลราวหญิงสาว
เรื่อยขึ้นมามีเส้นหนังสีดำปรากฏสู่สายตาทำให้ชานยอลประหลาดใจนิดหน่อย
แต่พอปลดกระดุมจนถึงคอชานยอลก็ถึงกับรู้สึกลมหายใจขาดห้วง
แบคฮยอนถอดเสื้อเผยให้เห็น choker chain หนังสีดำที่ปกปิดอกขาวนวลและตุ่มไตสีชมพูซึ่งอยู่ระหว่างช่องว่างของเส้นหนังเหล่านี้
ร่างบางถอดกางเกงออกเผยให้เห็นเส้นหนังสีดำซึ่งรัดส่วนล่างลำตัวอีกชั้นหนึ่ง
เหมือนมันกำลังทำให้หัวชานยอลเกิดแสงสว่างวิ้งแล้วทั้งหมดก็คือกลุ่มควันขาวโพลน
เขาไม่เข้าใจตัวเองยามยื่นมือไปดึงเส้นหนังของอีกฝ่าย
รวมทั้งตอนที่ก้มลงดูดดุนจุดสนใจสีชมพูอย่างกระหายเลือดนั่นด้วย
“อ๊า... อย่ากัดแรง อื้อ” แบคฮยอนพยายามจะห้ามเขาแต่กลับเหมือนไร้เรี่ยวแรงไปเสียอย่างนั้น
เสียงกระเส่าที่ดังมาจากจิตแพทย์หนุ่มทำเอาสติเขากระเจิงจนหมด
น้ำเสียงใสกังวานเช่นกับเมื่อตอนพยายามจะบังคับให้เขาพูดปัญหาออกมา
ในตอนนี้กลับทำให้สัญชาตญาณดิบออกมาจนสิ้น ชานยอลไม่ฟังคำใดๆ ทั้งลามเลีย
ขบกัดตุ่มไตนี้จนร่างบางสั่นระริก
เหมือนว่าไม่พอใจจึงผละออกจากอกขาวมาเป็นใบหน้าแทน
จูบตั้งแต่กกหู ไซ้ซอกคอแล้วจบลงปากเล็กซึ่งเคยเชิดหยิ่ง
ยามนี้ปากนั้นไม่ได้บังคับให้เขาต้องพูดปัญหาหรือกระทั่งออกคำสั่งให้พยาบาลพาเขาไปจับมัดบนเตียงอีกแล้ว
เป็นชานยอลเองที่มัดแบคฮยอนไว้ด้วยปากของเขาเอง แต่กระนั้นก็ยังไม่พอ
มือหนาจับหมับตรงก้นงอนสองลูก จากนั้นบีบคลึงเค้นเสียจนอ่อนคามือ
ร่างเล็กที่คร่อมอยู่บนตัวเขาสั่นจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้ว
ชานยอลจูบอีกฝ่ายจนมือน้อยต้องทุบอกเขาเพื่อให้หยุด
“คุณรุนแรงไปนะบางที” เสียงบ่นราวกับงอนออกจากปากจิตแพทย์หนุ่มทำเอาใจอ่อนยวบ
ยามนี้จึงค่อยปลดสายโซ่หนังออกจากร่างเล็กก่อน ค่อยๆ
ปลดทีละจุดพลางจูบในจุดนั้นด้วยราวกับสำนึกผิด
จนเมื่อปลดโช้คเกอร์จากลำคอระหงออกหมด
ชานยอลก็ซุกไซ้เหมือนเด็กขาดความอบอุ่นอีกครั้ง
เรียกเสียงครางหวานยามเขาจูบและทำรอย
“ยะ อย่าทำรอยสูงไป อ๊า”
เสียงอ้อนวอนจากชายหนุ่มบนร่างห้ามทันเมื่อตอนชานยอลกำลังจะทิ้งร่องรอยสีแดงเลือดไว้ตรงลำคอพอดี
เขาใจอ่อนอีกครั้งก่อนจะตรงเข้าวุ่นวายอกนวลต่อ
แต่เจ้าแท่งไฟร้อนตรงหว่างขากลับไม่สุขใจเท่าหัวใจเขามากนัก
เพราะมือเรียวของแบคฮยอนข้างหนึ่งเมื่อค้ำเข้ากับหน้าขาเขาจนมั่นคงแล้วก็ปล่อยอีกมือเล่นกับแท่งร้อนทันที
“อาส์ ผมปลดส่วนล่างคุณได้หรือยัง”
“ก็เอาสิ”
ปากเล็กกระซิบเข้าข้างหูเขาก่อนจะครางเสียงหวานอ่อน “อื้อ”
ชานยอลปลดโซ่หนังท่อนล่างด้วยการกระตุกแรงๆ จนเชือกขาดคามือ
จากนั้นก็ส่งนิ้วกลางเข้าไปทักทายช่องทางร้อนของอีกฝ่ายอย่างใจเย็น
“อ๊า เจ็บ เบาๆ หน่อย”
เล็บสั้นกุดจิกกลางหลังจนรู้สึกเหมือนได้เลือดยามเขาสอดนิ้วที่สอง เหมือนกล้ามใหญ่โตของเขาคือนิ้วมือทั้งห้าและฝ่ามือหนาหนัก
เขาเคยเอากำไลที่สามารถใส่แขนหญิงสาวมาควงได้ด้วยสองนิ้วเลยทีเดียว
นั่นทำให้เข้าใจได้ว่าการโดนนิ้วกลางและนิ้วชี้สอดแทรกช่องทางทำให้แบคฮยอนเจ็บปวดจนจะบ้า
นั่นทำให้ชานยอลพอใจหนักมาก
มือร้อนปาดเอาของเหลวจากเจ้าโลกที่เหนอะหนะเมื่อครู่แล้วส่งสองนิ้วเข้าไปอีกครั้ง
“อา... ช้าลงหน่อย อืม อย่างนั้นแหละ ตรงนั้น อ๊า”
เสียงตอบสนองยามเขาส่งกำลังพลเข้าบุกรุกช่องทางหวานทำเอาชานยอลใกล้จะคลั่ง
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าก่อนหน้านี้ปวดตัวจะเป็นจะตาย
แต่พอได้สัมผัสร่างกายแบคฮยอนมากเข้า
เรี่ยวแรงที่ไม่เคยมีกลับปึ๋งปั๋งขึ้นมาขนาดนี้
“เข้ามาเถอะ อื้อ” หลังจากจิกเล็บลงหลังจนอ่อนแรง
แบคฮยอนก็ทำสิ่งที่เคยตัว นั่นคือออกคำสั่งเพื่อบังคับตัวชานยอลให้กระทำ
แต่การกระทำนี้ชานยอลกลับเต็มใจมาก เขาจับเจ้าแท่งกาวร้อนขึ้นมาจ่อปากทางนานแล้ว
รอก็แค่ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยปากก่อนหรือไม่เท่านั้น
“อ๊า ทำไมมันใหญ่ขึ้น”
หลังจากหมดคำขอชานยอลก็บุกเข้าด้วยกำลังพลหลักทันทีและนั่นทำให้แบคฮยอนบ่นออกมา
เอาจริงคำตอบนี้เขาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร
ได้แต่จนใจแล้วก็ดันให้แท่งร้อนนี้เข้าไปให้มากขึ้น
เล็บสั้นจิกเข้าหลังอีกครั้งพร้อมขาอ้ากว้างขึ้นกว่าเก่า
ราวกับว่าแบคฮยอนจะเชียวชาญแต่กับขนาดที่เล็กกว่านี้ พอเจอแบบใหญ่ๆ
เข้าก็ไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“คุณเจ็บเหรอ”
ถามจบก็ได้รับการตอบกลับเป็นแรงกระแทกจากร่างเล็ก “เจ็บสิ ถามได้
คุณใหญ่เกินไปแล้วนะ อ๊า” บ่นได้แรงเท่ากับการกระทำเล่นเอาชานยอลอดหัวเราะไม่ได้
“ยังจะหัวเราะอีก ถ้ามีแรงก็ออกแรงให้เยอะหน่อยสิ”
“ย่อมได้” ยิ้มตอบรับกับความขำขันของการกระทำนี้แล้วสองร่างก็ออกแรงกระแทกใส่กันและกันให้ลึกสุดใจ
เสียงครางและสูดปากสลับกันไปจนแว่บหนึ่งชานยอลคิดได้ว่ามันอาจดังไปถึงข้างนอก
ราวกับรู้ใจเมื่อแบคฮยอนกระซิบว่าตอนนี้พักเที่ยง ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว
นั่นทำให้เขาหัวเราะหึๆ ครั้งหนึ่งจากนั้นก็กระแทกใส่อย่างเต็มแรง
ทำเอาแบคฮยอนกัดหูเขาเบาๆ แล้วบอกว่าแก้แค้น
ชานยอลกระแทกกระทั้นใส่ช่วงล่างคนตัวเล็กไปไม่นานก็ไม่ได้ยินเสียงครางแบบหมดแรงจากคนตรงหน้าเสียแล้ว
ของเหลวข้นหนืดออกมาจากกลางท่อนขาขาวนวล เขาอยากจะก้มลงไปช่วยทำความสะอาด
เสียแต่ว่าส่วนของเขามันนานกว่ามากนัก
ตอนนี้อีกฝ่ายไปถึงฝั่งฝันแต่ตัวเขารอบสองนี่ยังไม่ถึงไหน
แบคฮยอนตอนแรก็กระแทกช่วยอย่างดีแต่ร่างเล็กๆ นั่นจะมีแรงเสียเท่าไหร่
หลังปล่อยหนึ่งรอบก็อ่อนปวกเปียกเสียจนแรงน้อยกว่าตอนแรกมากนัก
“หมดแรงแล้วหรือครับคุณจิตแพทย์” ชานยอลยั่วเย้า
กับจิตแพทย์คนนี้รู้จักกันมาหลายเดือนก็ใช่ว่าจะไม่สนิทเลยทีเดียว
แต่แค่ว่าทุกครั้งแบคฮยอนมักจะบีบคั้นให้เขาเจ็บใจบ่อยก็เท่านั้นเลยไม่เคยมองว่าร่างเล็กมีใจให้
มาวันนี้ได้ทีก็ขอแกล้งหน่อย
“ใครจะไปบ้าออกกำลังกายอย่างคุณ”
“ผมนึกว่าคุณออกกำลังกายในร่มบ่อย”
พูดจบก็ขบกัดใบหูน้อยๆ หนึ่งครั้ง
“รอคุณมาหลายเดือนแล้วคิดว่าจะไปทำกับคนอื่นได้เหรอ”
ชานยอลโคตรจะใจชื้น
ผลของการเข้ายิมวันละสิบกว่าชั่วโมงออกมาอย่างชัดเจนก็วันนี้
เห็นได้ชัดเมื่ออะดรีนาลีนหลั่งขั้นสุด และออกซิเจนจากการหายใจเข้าออกจะช่วยกำจัดกรดยูริกซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการปวดกล้ามเนื้อได้มากที่สุด
จากปวดตัวจนแทบลุกไม่ขึ้น
ชานยอลก็ไม่รู้ว่าเขามีเรี่ยวแรงมหาศาลราวกับจะฉุดช้างได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ
เจ้าช้างกลางหว่างขาตัวนี้กำลังโดนยื้อยุดให้ขึ้นลงอย่างไม่หยุดในตอนนี้
“อ๊า แรงอีก อ๊า เสียว อ๊ะๆๆๆ อ่าส์” เสียงครางและหลักฐานการปล่อยของเหลวรอบสองเป็นสิ่งการันตีถึงความร้อนแรงของช้างชานยอลในตอนนี้
ในขณะที่เขายังไม่ถึงรอบสอง แต่แบคฮยอนกลับไปอีกรอบในระยะเวลาสั้นๆ แล้ว
ร่างเล็กอ่อนปวกเปียกเข้าไปอีก ทำเอาชานยอลแทบบ้า
ตอนนี้เหงื่อของทั้งคู่คงออกมาเป็นลิตรแล้วเพราะมันชุ่มร่างกายจนหมด พร้อมๆ
กับอาการปวดตัวหายเป็นปลิดทิ้งชานยอลกระแทกเจ้าโลกเข้าไปจนสุดแล้วก็รู้สึกว่าร่างกายได้ปลดปล่อยอีกครั้ง
“คุณนี่มันบ้าออกกำลังกายจริงๆ ด้วย”
แบคฮยอนบ่นก่อนจะซบลงกับอกเขาอย่างอ่อนแรง
ปล่อยให้ชานยอลจัดการอุ้มร่างเล็กวางบนเตียงเสียอย่างนั้น
ชานยอลมอลผลงานตัวเองแล้วรู้สึกเนื้อตัวเบาหวิวอย่างประหลาด
เขาไม่รู้สึกอยากเข้ายิมอีกเลยแม้แต่นิดเดียว
ความรู้สึกขัดขืนเมื่อโดนแบคฮยอนขึ้นนั่งคร่อมกลายเป็นความรู้สึกอยากกลืนกินร่างเล็กแทน
เขายืมมองร่างขาวซีดแต้มลายแดงๆ เปียกชุ่มเหงื่อชั่วครู่หนึ่ง
ก่อนจะได้ยินเสียงออกคำสั่งอย่างเคยตัวของแบคฮยอน
“ช่วยแต่งตัวหน่อย” แม้จะออกคำสั่ง
แต่แบคฮยอนกลับมีเสียงหวานล้ำไม่น่ากลัวสักนิด
ชานยอลหยิบโช้คเกอร์หนังขึ้นมาแล้วมองไปยังร่างเล็ก
“คุณจะสวมเจ้านี่อีกงั้นหรือ” ถามพลางกลืนน้ำลายเล็กน้อย ถ้ากระดุมเสื้อหลุด
คนอื่นไม่ตาค้างหรือนี่ที่จิตแพทย์คลินิกนี้มีรสนิยมแบบนี้ “บ้าชัดๆ” เขาสรุป
“งี่เง่า มีชั้นในสำรองที่ลิ้นชักต่างหาก
หยิบให้หน่อย” ว่าพลางชี้ไปยังโต๊ะทำงานหนึ่งเดียวในห้อง
“อ้อ” ชานยอลจึงขานรับแล้วเปิดลิ้นชัก
แบคฮยอนลุกขึ้นมาจากเตียงคนไข้แล้วเริ่มทำความสะอาดตัวเองด้วยกระดาษทิชชู่
รับชั้นในและเสื้อเชิ้ตไปใส่ แต่ชานยอลก็ช่วยแต่งให้ตามคำสั่งด้วย
จากนั้นร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อกางเกงก็เช็ดทำความสะอาดเสื้อผ้าบ้าง
ได้ยินเสียงเหมือนคนในคลินิกกลับมาแล้วชานยอลก็พยายามนอนลงเหมือนปกติ
แบคฮยอนกลับไปนั่งเก้าอี้จิตแพทย์เหมือนเก่า
หยิบปากกาพลางเขียนอะไรบางอย่างก่อนจะเรียกพยาบาลเข้ามา
“จัดยาตามนี้”
สั่งการเสร็จก็เห็นสีหน้าประหลาดใจของพยาบาลครู่หนึ่งจึงพยักเพยิดให้ชานยอลลุกนั่ง
หลังจากเห็นว่าคนไข้ไม่มีอาการปวดกล้ามเนื้อแล้วพยาบาลก็คิ้วขมวดนิด แต่ไม่รู้สาเหตุจึงได้แต่ออกห้องไป
“บอกผมได้รึเปล่าว่าชอบผมตอนไหน” ชานยอลได้ทีหลังจากเหลือแค่เขาสองคนจึงถามขึ้น
“จะบ้าเหรอ ใครเขาชอบคุณกันล่ะ”
แต่คำตอบกลับทำให้หมั่นเขี้ยวคุณจิตแพทย์มากนัก
“ไม่ชอบแล้วทำไมรักษาผมแบบนี้กันล่ะ”
ว่าพลางก็ยิ้มทำหน้าทะเล้น
“เป็นจิตแพทย์ก็ต้องรักษาคนไข้ให้หาย”
“ไม่กลัวผมหายแล้วไม่มาหาคุณอีกหรือ”
พูดไปก็ไขว้นิ้วตัวเองไว้ ชานยอลไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้สึกอย่างไร
แต่แบคฮยอนมีใจให้เขาแน่นอน และเขาเองก็ชอบตรงนี้ “ไอ้นี่แปลว่าอะไรนะ”
เขายกมือที่อีกฝ่ายเอาปากกามาเขียนไว้ ปากกานี่ดีจริงๆ
เหงื่อออกท่วมตัวแล้วยังไม่เลือนอีก
“นั่นเขียนเพื่อรักษาคุณต่างหาก” พูดไม่พอแต่กลับขยิบตาไว้ด้วย
“งั้นผมว่าผมยังไม่หาย”
“นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว”
แบคฮยอนเขียนอะไรบางอย่างใส่กระดาษ
จากนั้นก็ยื่นให้เขา
“นี่คือการรักษาครั้งหน้า
กรุณามาให้ตรงนัดและผมแนะนำว่าคุณไม่ควรเข้ายิมเกินสามชั่วโมงต่อวันนะครับ”
ชานยอลยกกระดาษขึ้นมาอ่านเป็นที่อยู่และเบอร์โทรใครคนหนึ่งซึ่งเขาเดาว่าคนนั้นอยู่ในห้องนี้นั่นเอง
“เพราะถ้าคุณไปยิมมากเกินไป
คุณก็จะเสียเวลารักษากับผม”
-END-
No comments:
Post a Comment