ส่วนขยาย
คยองซูคนมึน ep.16 ฉากง้อคยองซู
จงอินหงุดหงิดนิดหน่อยหลังจากโดนสบประมาทจากอดีตคู่แข่งความรักอย่างเซฮุน
ไอ้บ้านั่นตอนนี้มันถือไพ่เหนือกว่าเพราะน้องคยองซูไปพึ่งพามัน
แต่พอคิดอีกทีมันก็ความผิดเขานี่หว่า ทำไมตอนนั้นถึงไปหลอกน้องเค้าได้เนี่ย
คิดแล้วก็ปลงชั่วครู่
ยังไงเซฮุนมันก็ยอมรับแล้วว่ามันไม่ได้รักคยองซูแล้ว
ศัตรูหัวใจตอนนี้ไม่มีใครอื่นนอกจากตัวเอง จงอินหรือนีนี่ก็คนเดียวกัน
คยองยอมเจอนีนี่ก็ถือว่าเขาเข้าใกล้น้องมากกว่าเมื่อวันก่อนแล้ว
...
ทางด้านชานยอลหลังจากแชทกลุ่มเสร็จก็ตัดสินใจโทรไปคุยกับเซฮุน
เพราะตนเองมีลางสังหรณ์ประหลาด แล้วมันก็ไม่ต่างจากที่คาดไว้เท่าไหร่
“ใช่... ผมกับจุ๋ม เรามีอะไรกันแล้ว”
ไอ้หมอหน้ากวนตีนตอบเขามาแบบเสียงนิ่งๆ
ชานยอลอยากจะไปดูหน้ามันนัก ไอ้นี่เป็นมารหัวใจจงอินไม่พอ
ตอนนี้มันยังคาบพี่เขาไปกินแล้วไม่ยอมรับผิดชอบอีก มิน่าล่ะ
วันก่อนจู่ๆ จุ๋มก็ขอป๊าไปดูงานรีสอร์ทที่มัลดีฟส์เฉย
ต้องเป็นเพราะหนังสดที่เขาได้ยินจากโทรศัพท์วันนั้นแน่ๆ
เสียงครางดังอืออาขนาดนั้นถ้าไม่ใช่กำลังมีอะไรกัน แล้วจะทำอะไรล่ะ
สุดท้ายพี่เขาก็ได้กันกับไอ้หมอนี่
พอได้กันแล้วมันคงไม่รับผิดชอบสินะ พี่จุ๋มถึงได้หนีไปมัลดีฟส์
ชานยอลถามหาความรับผิดชอบพร้อมกับอ้างว่าอีกฝ่ายเป็นหมอ
คงไม่เลวขนาดกินเพื่อนแล้วนิ่งเฉย แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้เขาอึ้งมากๆ
“รอจัดการเรื่องน้องคยองซูก่อน
แล้วผมจะคบกับจุ๋มอย่างเป็นทางการ”
เฮ้ย ไอ้นี่มันเอาจริงว่ะ
หมายความว่าพี่จุ๋มของเขาจะสมหวังแล้วดิ
ที่มันบอกว่าหัวใจอยู่กับคนอื่นนานแล้วคือมันไปชอบจุ๋มตอนไหนวะ
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมันยังบอกว่าชอบน้องคยองซูของไอ้จงอินอยู่เลย
“ผมรู้ใจตัวเองแล้ว
เรารีบให้จงอินคืนดีกับคยองซูเถอะ แล้วผมจะตามจุ๋มไปมัลดีฟส์”
เชี่ย... ชานยอลพึมพำกับตนเอง เขากลับมากอดภรรยาแสนน่ารักอย่างแบคฮยอน
หอมแก้มน้องหนึ่งฟอด ก่อนจะโดนถามกลับมาว่าเป็นอะไรมากไหม จึงตอบกลับไปว่าจู่ๆ
ก็อยากกอด ชานยอลไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาโชคดีแค่ไหนที่ไปล้มงานหมั้นวันนั้น
นอกจากจะได้น้องแบคฮยอนมาเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะทำให้ความรักของพี่จุ๋มสมหวังไปด้วย
เหลือก็แต่จงอินนี่ล่ะ เอาจริงเขาเองก็มีส่วนผิด
เขาเป็นคนบอกให้จงอินปิดบังความจริงต่อไป จนกระทั่งคยองซูรู้เรื่องจากคนอื่น
กระทบแผลเก่าซึ่งถูกพ่อของเซฮุนทิ้งรอยไว้
จากนั้นก็กลายเป็นว่าน้องเองไม่ยอมเปิดใจให้จงอินอีก ทั้งๆ ที่ยอมเป็นแฟนกันแล้ว
ความรักของแต่ละคนมันช่างซับซ้อนจริงๆ ให้ตายเหอะ
ขนาดว่าเป็นแฟนกัน คยองซูกลับไม่ฟังความจงอินเลยว่าทำไมต้องปิดไว้
ส่วนของชานยอลน่ะหรือ เอ้อ ซับซ้อนกว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้เลยว่ารักกันขนาดไหน
จนกระทั่งวันที่เขาล้มงานหมั้นแล้วได้หมั้นกับแบคฮยอน
เรียกได้ว่าชานยอลหวงและห่วงแบคฮยอนยิ่งกว่าไข่ในหิน
นี่แค่พาจงอินมาแต่งหน้าเขาก็ตามมานั่งเฝ้าภรรยาไม่ห่างเลยล่ะ
หวังว่าการไปง้อคยองซูพรุ่งนี้จะทำให้เพื่อนของเขาดีขึ้น
จงอินมันปิดบังคนอื่นเก่ง ปากดีทำเป็นทะเลาะกับหมอฮุนขนาดนั้นแต่ถ้าสังเกตดีๆ
ขอบตาดำคล้ำกว่าปกติแถมยังหน้าหงอยๆ นั่น
ดูยังไงว่ามันก็เสียใจที่สุดที่ทำให้น้องคยองโกรธ
แบคฮยอนบอกว่าคยองซูเจ็บมาก
แต่คนที่เจ็บไม่แพ้กันก็คือจงอินนั่นเอง
...
วันรุ่งขึ้น
แบคฮยอนนัดแนะให้จงอินไปเจอกันที่หน้าร้านของเหมียว
วันนี้เจ้าของร้านเบเกอร์รี่ถึงกับลงทุนปิดร้านหนึ่งวันเพื่อไปติดตามดูการง้อเพื่อนสนิทถึงสุพรรณ
หลังจากทุกคนเจอกันก็ย้ายมานั่งรถของชานยอลคันเดียว สารถีของวันนี้คือสามีหมาดๆ ของแบคฮยอนนี่แหละไม่ใช่ใคร
รถเอสยูวีแปดที่นั่งสตาร์ทแล้วพาทุกคนไปยังเป้าหมายคือร้านเสริมสวยทันที
ช่างแต่งหน้าและช่างทำผมเตรียมตัวพร้อมก่อนแล้ว
พวกเขาพาจงอินไปเปลี่ยนโฉมเป็นนีนี่อีกครั้ง
ส่วนทางแบคฮยอนก็เริ่มเอาเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ออกมา
เมื่อวานช้อปปิ้งชุดให้จงอินอย่างเมามันเลยล่ะ มีทั้งชุดเดรสยาว เดรสสั้น
แต่วันนี้น้องนีนี่ของคยองซูเลือกมาแล้วว่าจะใส่กางเกง แบคฮยอนจึงเอาเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวออกมาแผ่กับกางเกงขายาวสีเหลืองตัวหนึ่ง
ดูแล้วสวยดี คยองซูต้องชอบแน่ๆ
สองชั่วโมงผ่านไปทุกอย่างก็เริ่มลงตัว
จงอินจากหนุ่มร่างโตผิวแทน ก็กลายร่างเป็นสาวสวยหุ่นนางแบบผิวสีน้ำผึ้ง
สวยจนชานยอลต้องผิวปากแซ็วหลายๆ รอบ ซึ่งพอน้องนีนี่ทนไม่ไหวก็ถีบสามีของแบคฮยอนให้ลงไปนอนกับพื้นเล่นท่ามกลางเสียงหัวเราะ
บรรยากาศสนุกสนานเสียจนรู้สึกว่าวันนี้มันต้องไม่มีปัญหาอะไรแน่ๆ
ประมาณสิบเอ็ดโมง ล้อรถก็หมุนอีกครั้ง
พวกเขานัดกับคนนำทางที่เซฮุนเตรียมไว้หน้าอำเภอ
พอถึงที่นั่นก็จะขับรถตามมอเตอร์ไซค์ของคนนำทางที่ชื่อว่าลุงบุญช่วย
แบคฮยอนเคยเจอลุงบุญช่วยแล้ว จึงสามารถระบุใบหน้าของผู้สูงวัยได้ไม่ยากนัก
พอเจอกันทักทายนิดหน่อยก็ขับรถตามไปยังบ้านพักซึ่งเซฮุนอธิบายว่าเขามาซื้อไว้เพื่อพักผ่อนนั่นเอง
ลุงบุญช่วยตะโกนจากด้านหน้าว่าอีกนิดนึงสักร้อยเมตรจะถึงแล้ว
แบคฮยอนถึงกับใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ รู้สึกปวดท้องน้อยเล็กๆ
เหมือนเบบี๋จะตื่นเต้นตามไปด้วย
พอหันไปทางด้านคนขับก็เจอชานยอลยิ้มให้จากนั้นก็ยกมือข้างซ้ายมากุมมือเขาไว้
พาให้อุ่นใจไม่น้อย จึงหันไปเบาะหลังก็พบว่านีนี่กำลังนั่งกอดอก
แต่เหงื่อข้างขมับก็บอกได้อย่างดีว่ากำลังตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“แบคว่า... คยองจะโกรธเราอีกมั้ย?” จู่ๆ
เหมียวก็ถามขึ้นมา
“ไม่รู้สิ”
แบคฮยอนตอบแค่นั้นแต่ใจก็คิดไปไกลเกินคำว่าไม่รู้อยู่มาก
มันตื่นเต้นเพราะเขาไม่แน่ใจเลยว่าแผนนีนี่จะได้ผลร้อยเปอร์เซ็น
ถ้าคยองซูจับได้ว่าพวกตนหลอกอีก ไม่แน่คราวนี้อาจจะถึงกับตัดเพื่อนเลยก็ได้
แต่คิดอีกที พวกเขาก็ไม่ได้หลอกคยองซูนี่นา
จงอินก็คือนีนี่จริงๆ ทั้งเหตุการณ์ในอดีตหรือเค้าโครงหน้าหรืออื่นๆ ก็ตรงกันหมด
จะไม่ใช่ก็แค่ว่าคยองซูไม่ยอมรับเท่านั้น
หวังว่าจงอินจะไม่ตื่นเต้นจนลืมบทที่ซ้อมไว้
บอกว่าตนเองคือนีนี่ พอน้องใจอ่อนก็ค่อยบอกว่าเป็นจงอิน พูดดีๆ
อย่าทำให้คยองซูงงหรือเข้าใจผิดก็แล้วกัน
“แบค!”
แบคฮยอนตกใจจนเซไปนิดหน่อย
ดีว่าชานยอลยืนอยู่ข้างๆ เลยประคองไว้ไม่ให้ล้ม
คุณสามีดุนิดหน่อยว่าระวังด้วยแต่พอเขาก้มหน้าก็ค่อยๆ ประคองไปนั่งอย่างอ่อนโยน
ก็ใครใช้ให้คยองซูตะโกนเรียกชื่อเขาดังกันเล่า
“คยองอ่ะ เรียกซะตกใจเลย”
เมื่อมาถึงบ้านไม้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ คยองซูก็เชิญทุกคนมานั่งใต้ถุนบ้าน
คือแม้จะเป็นบ้านเรือนไทยแต่มีการตกแต่งอย่างดี ชั้นล่างเทปูนแล้วกั้นเป็นสัดส่วน
ซึ่งตรงนี้คือส่วนรับแขก
“ก็เราดีใจนี่นา ไหนล่ะนีนี่” คยองซูเมื่อยกน้ำมาให้ทุกคนดื่มแล้วก็ถามหาคนที่อยากเจอทันที
ชานยอลกับแบคฮยอนพยักหน้าให้กัน จากนั้นประตูเบาะหลังคนขับก็เปิดออกพร้อมกับขายาวๆ
ใต้กางเกงสีเหลืองก้าวลงมาอย่างกระฉับกระเฉง
“นีนี่!”
ทันทีที่ประตูรถปิดลง
จงอินยังไม่ทันจัดการกับผมที่ปรกหน้าก็ได้ยินเสียงร้องของคนรักเข้ามาใกล้ทันที
ร่างสูงแทบจะล้มไปด้านหลังเมื่อคยองซูเข้ามากอดเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
แม้จะเป็นแฟนกันแต่คยองซูก็ไม่เคยกอดเขาหนึบขนาดนี้ จงอินจึงทำตัวไม่ถูก
ได้แต่ปัดผมปลอมไปด้านหลัง แล้วยกมือขึ้นมาลูบไหล่คนตัวเล็กกว่าเท่านั้น
“อะแฮ่ม” กระแอมไอหนึ่งครั้งก่อนจะดัดเสียงเล็กน้อย
“สวัสดีจ้ะคยองซู” จงอินพูดออกไปแล้วรู้สึกอยากปาดคอตัวเองทิ้ง
ทำไมเสียงมันแรดขนาดนี้
“สวัสดีนีนี่”
คยองซูเมื่อได้ยินเสียงทักทายก็ผละออกมา
จากนั้นก็ยืนมองอีกฝ่ายเสียจนจงอินรู้สึกร้อนไปทั้งหน้าทั้งตัว
อึดใจหนึ่งเขารู้สึกว่านี่ตัวเองกำลังยืนอยู่กลางแดดนี่นา
จึงได้ออกปากขอเข้าไปใต้ถุนบ้านด้วย
“เราเข้าไปข้างในก่อนไหม”
“อ้อๆ อื้มๆ เข้ามาสิ”
หลังจากการทักทายกันหอมปากหอมคอว่านีนี่สบายดีไหม
นีนี่สวยจัง รวมไปถึงการถามว่าทำไมคยองซูถึงได้หัวเกรียนแบบนั้นเหมือนคนกำลังจะบวช
พอได้คำตอบว่าเกือบบวชแต่หลวงพี่ไม่ยอมให้บวช จงอินแทบสำลักน้ำ
นี่เขาควรจะไปขอบคุณหลวงพี่มั้ย ถ้าคยองบวชไป เขาคงไม่สามารถมาง้อแบบนี้ได้แน่
ฟากแบคฮยอนก็ช่วยหาเรื่องคุยไม่แพ้กัน หลังจากพูดคุยเรื่องปัจจุบันถึงส่วนที่ไม่สามารถตอบได้อย่างเช่นกำลังทำงานอะไรหรือเรียนที่ไหนพักที่ไหนแล้ว
ก็เปลี่ยนเป็นการคุยถึงอดีตทันที
ซึ่งตรงนี้ชานยอลถึงกับต้องกลั้นขำจนท้องแข็งกับวีรกรรมสมัยเด็ก
เมื่อคยองซูผู้ไม่รู้ว่าตัวเองน่ารักตั้งตัวเป็นหัวหน้าแก๊งค์พิทักษ์นีนี่
ถึงจะตัวเองจะอยู่ป.3 นีนี่อยู่ป.6 ก็ยังยืนยันจะปกป้องด้วยตัวเอง
ทุกคนพากันหัวเราะเมื่อคยองซูเล่าให้ฟังว่านีนี่ตัวเล็กแล้วก็ผอมบางมากๆ
เดินทีเหมือนตัวจะปลิว ถึงคยองซูจะตัวเตี้ยกว่าแต่ก็ตัวหนากว่านิดหน่อย
ดังนั้นเมื่อมีใครมาแกล้งให้นีนี่ต้องร้องไห้ คยองซูก็จะวิ่งแจ้นจากห้องป.3
ไปหาห้องป.6
ด้วยตัวเองทุกครั้ง
คุยกันสักพักแบคฮยอนก็บอกว่าตัวเองหิวแล้ว
คยองซูจึงขอตัวไปเตรียมอาหารสักครู่ ได้กลิ่นอาหารโชยมาหอมมากมาย
หนึ่งในนั้นคงฉุนจมูกคนท้องไม่น้อย จึงลุกไปอ้วกในห้องน้ำมาหนึ่งรอบ
ให้ชานยอลประคองออกมา จากนั้นก็นั่งล้อมวงกินข้าวกัน
ปรากฏว่ากับข้าวบางอย่างที่คยองซูทำกลับเป็นของโปรดของนีนี่
นั่นทำให้จงอินปลื้มใจไม่หยุด เขารู้สึกราวกับว่าคยองซูรู้ว่าเขาชอบกินอะไร แน่ล่ะ
เวลาที่จงอินซื้อกับข้าวไปกินกับคยองซูหลังร้านยา ก็มีแต่ของที่เขาชอบเป็นหลัก
จะคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยนะว่าคยองซูใส่ใจเขา แต่ก็นั่นแหละ จงอินกินข้าวไป ภายนอกยิ้มหวานอ่อนโยนแต่ในใจก็ขมขื่นไปด้วย
หลังกินข้าวนี่แหละเขาต้องเปิดเผยตัวจริง
หวังว่าเมื่อคยองซูรู้จะไม่ไล่เขาก่อนจะได้อธิบายอะไรนะ
แบคฮยอนอ้างว่ากินข้าวอิ่มแล้วง่วงนอนจึงขอคยองซูไปงีบในห้องรับแขกด้านบนหน่อยซึ่งชานยอลก็ตามไปเพื่อดูแลภรรยาทันที
เหมียวเองก็บอกว่าต้องโทรหาแฟน ตอนนี้ลุงบุญช่วยก็ไปกินข้าวกับป้าสมศรีเมียแกแล้ว
สุดท้ายจึงเหลือ แต่คยองซูกับจงอินในคราบนีนี่ ชวนกันไปล้างจานหลังบ้าน
จากนั้นก็เดินชมสวนหลังบ้านซึ่งติดกับทุ่งนาด้วยกัน
“นีนี่ชอบที่นี่ไหม” คยองซูพูดขึ้นก่อน
“ชอบสิ อากาศดีมากๆ แต่ว่า...”
“แต่อะไร?”
“คือคยองบอกว่าตอนนี้กำลังเปิดร้านยา
ไม่ห่วงร้านหรือ ถึงมาอยู่ที่นี่” จงอินเปิดประเด็นด้วยเรื่องร้านก่อน
เขารู้ว่าคยองซูห่วงร้านตัวเองยิ่งกว่าอะไร ไม่อย่างนั้นก็ไม่ขับรถไปกลับหลายกิโลเพื่อเปิดร้านหรอก
“ห่วงสิ แต่เรายังทำงานไม่ไหว”
“เพราะอะไร”
“เรากำลังเจ็บ...”
คยองซูตอบว่าเจ็บแต่คนที่เจ็บกว่าคือจงอินนั่นเอง
เขาจ้องหน้าคนรักที่ก้มต่ำจนแทบมองไม่เห็นสีหน้าด้วยแววตาอาลัย
อยากบอกว่าผมอยู่นี่ไงแต่ตอนนี้เขาต้องค่อยๆ คุยเท่านั้น
“เจ็บเพราะอะไร?”
“คนที่เรารัก... เค้าทำให้เราเจ็บ”
คำตอบของคยองซูทำเอาจงอินอยากดึงร่างเล็กนั้นมากอดให้จมอก
เขาผิดเองที่ไม่รู้ว่าคยองซูมีความหลังกับคนรวย
คิดมาตลอดว่าคนที่แกล้งทำเป็นจนพอเปิดหน้ากากว่าตัวเองรวย สาวๆ
ร้อยทั้งร้อยคงไม่โกรธมีแต่ดีใจเท่านั้น ไม่รู้เลยว่าคนน่ารักข้างๆ
นอกจากจะแตกต่างแล้วยังเจ็บเพราะเขาอีกต่างหาก
“คยองซูมีคนรักแล้วหรือ เขาชื่ออะไร?”
“เขาชื่อจงอิน”
“คยองซูรักเขารึเปล่า แล้วเขาทำไมทำคยองซูเจ็บ”
จงอินเริ่มถามเข้าเรื่อง
เขาพบว่าคยองซูก้มหน้าตลอดตอนที่คุยกัน
คงเพราะเป็นนีนี่จึงไม่โดนไล่เมื่อถามเรื่องนี้ แต่ยิ่งพูดไป
ก็เหมือนจะได้ยินเสียงสั่นเครือขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายพอคยองซูบอกว่าจงอินหลอกเขา
มันทำให้เขาเจ็บ สุดท้ายร่างเล็กก็หยุดยืนเอาดื้อๆ จากนั้นก็ทรุดลงนั่งแล้วร้องไห้
จงอินตกใจมากเมื่อเห็นภาพนั้นจึงดึงเอาคนรักขึ้นมากอดแนบอก
เนื่องจากคราวนี้เขาเป็นคนดึงอีกคนเข้ามากอดเอง
ใบหน้าอีกฝ่ายจึงกระทบเข้ากับฟองน้ำที่ยัดหน้าอกมาโดยตรง
คยองซูร้องไห้สักพักก็เงียบ จากนั้นมือที่ว่างก็ยกขึ้นมาปาดน้ำตาข้างแก้ม
แต่ปาดไปไม่กี่ครั้งก็พบว่ามือตัวเองไปโดนหน้าอกอีกคนเข้า
เอ๊ะ มันหยุ่นๆ ทำไมเหมือนฟองน้ำ คยองซูคิด
แต่มือดันบีบเข้ากับฟองน้ำของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง
และเพราะฟองน้ำไม่ได้ยึดติดกับอะไรทั้งสิ้น พอบีบแรงมันก็เด้งออกมา หล่นลงกับพื้น
“เฮ้ย!!!” จงอินตกใจจนลืมแอ๊บเสียง
นั่นจึงทำให้คยองซูผละออกจากเขาทันที จากนั้นก็มองด้วยสายตาแปลกๆ
“นีนี่??” คยองซูพึมพำเบาๆ
พลางมองไปยังหน้าอกขนาดไม่เท่ากันของคนที่ตัวเองคิดว่าเป็นพี่สาวผู้น่ารัก
ทันใดนั้นก็จ้องมองไปยังใบหน้าให้ชัดๆ เนื่องจากเดินกันมานานท่ามกลางแดดบ่ายๆ
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางจึงละลายออกไปครึ่งหนึ่ง
เค้าโครงหน้าคุ้นเคยก็ผุดขึ้นมาในสมอง จากนั้นคยองซูก็เหมือนมีคนมาเปิดไฟในสมอง
“พี่จงอิน!”
ร้องตะโกนชื่อคนรักแล้วคยองซูก็เข้าไปดูใกล้ๆ พอแน่ใจก็วิ่งหนีออกมาทันที
“เดี๋ยวก่อน คยอง ฟังพี่ก่อน!”
จงอินตกใจมากที่คนรักสังเกตเห็นว่าเป็นเขาอย่างรวดเร็ว
แถมยังไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรก็วิ่งหนีเสียแล้ว
ร่างสูงวิ่งตามร่างเล็กไปตามคันนา
ร้องเท้าส้นสูงที่จงอินใส่มามันไม่ค่อยช่วยอะไรเลย จึงหยุดถอดออกไป
วิ่งไปอีกนิดก็พบว่าผมปลอมมันช่างปรกหน้าเสียจริงก็ถกวิกออกทิ้งลงตรงนั้นแล้ววิ่งตามคยองซูไปติดๆ
ด้วยความขายาวจึงวิ่งตามทันได้ไม่ยาก พอคว้าร่างเล็กได้ก็ฉุดให้หยุด
แต่ไม่รู้ว่าฉุดอีท่าไหน ไปๆ มาๆ ก็ล้มลงทั้งคู่ไปซะงั้น
คยองซูนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นหญ้า
โดยมีจงอินในคราบนีนี่ที่ไม่มีทั้งนมปลอม ผมปลอม
ขนตาปลอมก็หลุดไปข้างหนึ่งคร่อมอยู่บนตัวในท่าหมิ่นเหม่
ถ้าลุงบุญช่วยมาเห็นสองคนตอนนี้
คงนึกว่าคุณคยองซูอดใจไม่ไหวกำลังจะปล้ำสาวสวยนีนี่เป็นแน่แท้
แต่ตอนนี้คยองซูกลับหัวเราะ
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ร่างเล็กหัวเราะกับสภาพของคนที่คร่อมอยู่ มันตลกมากๆ ในสายตาเขา
จงอินกล้ามเป็นมัดอย่างคนใช้แรงงานพอมาแต่งหญิงแบบนี้แม้จะใส่เสื้อแขนยาวปิดไว้แต่พอวิกผมหลุดมันก็เหมือนกระเทยควายที่เขาเคยเจอในงานประกวดลอยกระทงปีนู้นไม่ผิดเพี้ยน
“หัวเราะพี่หรือเนี่ย” จงอินเหงื่อหยดติ๋งๆ
เพราะวิ่งมาไกล กำลังไม่รู้จะพูดอะไรก็โดนหัวเราะเข้า
“ก็พี่จงอินตลก ดูสิ เหมือนกระเทยควายเลย”
“นีนี่ไม่สวยแล้วเหรอ”
“ไม่สวยเลยครับ”
“น้อยใจ”
“ผมสิต้องน้อยใจ”
บรรยากาศที่เริ่มดีขึ้นกลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง
เมื่อคยองซูหันหน้าไปด้านข้างเพื่อหลบสายตาจงอินแต่ฝ่ายจงอินที่นั่งคร่อมอยู่กลับพูดไม่ออกเลยสักคำหนึ่ง
“ลุกได้แล้ว” จนเวลาผ่านไปสักพักร่างเล็กก็พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“ไม่ลุกได้มั้ย” แต่กลับเจอใบหน้าตัดพ้อเข้า
“ทำไมไม่ลุก”
“อยากลุกก็ต่อเมื่อคยองหายโกรธพี่”
“กล้าหลอกเป็นนีนี่แล้วยังจะให้ผมยกโทษให้อีก”
น้ำเสียงตัดพ้อจนจงอินอยากจะจูบลงไปเลยล่ะ
“พี่เป็นนีนี่จริงๆ พี่คือจงอิน คือนีนี่
คือลูกชายนายพลคิมหันต์
คุณหญิงรัตนาวดีและเป็นคนเดียวกับที่รักคยองซูสุดหัวใจเลยด้วย”
“...”
“ยกโทษให้พี่นะครับคนดี
พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ปิดบังอะไรเราอีกแล้ว”
“ถ้าไม่ล่ะ”
ปากรูปหัวใจยื่นออกมาอย่างกับเด็กงอนไม่มีผิด
“งั้นพี่ก็จะทำแบบนี้”
สิ้นสุดคำพูดจงอินก็ทำตามใจตัวเองทันที
ปากเคลือบลิปสีออกแดงก้มลงไปสัมผัสกับปากเล็กเบื้องล่าง ค่อยๆ บดเบียดทีละน้อยโดยที่มือสองข้างก็ประคองใบหน้าคนรักไว้
จูบสัมผัสแผ่วเบาหากแต่มุ่งมั่นทำเอาร่างเล็กไม่สามารถหนีไปไหนได้
หรือที่จริงคยองซูก็ใจอ่อนให้เขาแล้วตั้งแต่คำว่าพี่จะไม่ปิดบังอะไรเราอีกแล้วของจงอินเมื่อครู่
จูบเบาๆ แต่สัมผัสจริงใจไปไม่นาน ในที่สุดจงอินก็ถอนปากตัวเองออกจากปากคนรัก
ค่อยๆ ประคองร่างเล็กให้ลุกขึ้นมานั่ง จากนั้นก็กอดเอวเอาไว้
“ยกโทษให้พี่แล้วใช่มั้ย”
“ไม่รู้สิ”
“คยองอ่า พี่ปิดบังว่าพี่รวย
แต่ความรักของเราเป็นเรื่องจริงนะครับ นีนี่รักคยองซู จงอินก็รักคยองซูเหมือนกัน”
หมดคำบอกรัก ก็พบว่าใบหน้านั้นแดงขึ้นเป็นริ้ว
บางคนเห็นแล้วอาจจะขำกับอาการนี้เพราะตอนนี้คยองซูกล้อนผมตัวเองจนแทบจะเป็นสกินเฮดติดหัว
หากแต่จงอินกลับมองว่าเหมือนเด็กน้อยน่ารักคนหนึ่ง
“คืนดีกันนะครับ”
“อื้อ แต่ว่า...”
“แต่อะไร?”
“ต่อไปห้ามปิดบังอะไรผมอีกนะ ห้ามไปรักคนอื่นด้วย”
จากนั้นจงอินก็หูตามืดมัวเพราะคำบอกแสนน่ารัก
จับคยองซูมาหอมแก้มซ้ายขวาไปหลายฟอดจากนั้นก็กอดไว้จนน้องบอกว่าลุกเถอะ
ไปอาบน้ำก่อน จึงลุกจากคันนา ออกเดินเก็บผมปลอม รองเท้าส้นสูงและกลับบ้านไปด้วยกัน
ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของชานยอล แบคฮยอนและเหมียวรวมถึงลุงบุญช่วย
จงอินและคยองซูก็จับมือประสานกันแล้วเดินไปยังห้องน้ำเพื่อช่วยกันล้างตัวเงียบๆ
“คืนดีแล้วสินะ เย้”
ทุกคนนั่งอึ้งไปตามกันจนแบคฮยอนพูดขึ้นมา เออ อีท่านี้ก็คงคืนดีกันแล้วล่ะ
เสร็จไปอีกงานหนึ่ง!
…
เจอกันตอนที่ 17 ในจอยจ้ะ
No comments:
Post a Comment