เซฮุนยอมรับว่าเขาความรู้สึกช้า
แต่เขาจะไม่ยอมช้าอีกต่อไปแล้ว
ร่างสูงนั่งรอคนรักตรงโซฟาแล้วก็รู้สึกว่าไม่ค่อยดี
เลยเข้าไปในครัวแล้วถามจุ๋มว่าต้องทำอะไรบ้าง เขาจะได้ช่วย
แต่กลายเป็นว่าจุ๋มตีมือดังเพี๊ยะ จากนั้นก็ดุว่าเขาทำกับข้าวไม่เป็น
ไปนั่งรออย่างเดียวเลย หมั่นเขี้ยวคนรักจึงดึงแก้มจุ๋มหนึ่งครั้ง
จากนั้นก็หอมแก้มทั้งสองข้างดังฟอดใหญ่ โดนตีไหล่อีกหนึ่งที
จากนั้นเซฮุนก็ยอมไปนั่งโซฟา กดดูทีวีไปเรื่อยๆ อย่างอารมณ์ดี
เขากับจุ๋มรู้จักกันตอนไปเรียนที่อเมริกา
ตอนนั้นเซฮุนเรียนแพทย์แต่จุ๋มเรียนบริหาร เด็กนักเรียนนอกอย่างพวกเขาแม้ไม่ได้เรียนสาขาเดียวกันแต่ขอแค่มหาวิทยาลัยเดียวกันก็รู้จักกันทั่วแล้ว
เขากับจุ๋มจึงตกลงแชร์ห้องด้วยกัน เขาคิดกับจุ๋มแค่เพื่อนจริงๆ
แถมยังทำตัวเป็นเพลย์บอยลากสาวฝรั่งมานอนด้วยไม่ซ้ำหน้า นึกไม่ถึงว่าจุ๋มชอบเขามาตั้งแต่ตอนนั้นแต่ไม่แสดงออก
ไม่น่าหัวช้าเรื่องนี้เลยจริงๆ
อันที่จริงจะว่าหัวช้าก็ไม่ได้
ใครให้เขาชอบคยองซูก่อนล่ะ น้องหน้าตาน่ารัก นิสัยก็ดีมากๆ
อยู่ด้วยกันทุกวันจะไม่ให้เขาชอบยังไงไหว เสียแต่เพราะยังเด็กเลยแสดงออกมากไปจนพ่อรู้เข้า
ตัวเองโดนถีบมาเมืองนอกไม่พอ ยังได้ยินข่าวจากไอ้เจว่าน้องโดนไล่ออกบ้านอีก
จริงๆ
เซฮุนรีบบินกลับบ้านตั้งแต่รู้ข่าวว่าคยองซูโดนไล่ออกจากบ้านแล้ว
เขาทะเลาะกับพ่ออย่างหนักอีกครั้งแต่แม่ก็เข้ามาห้ามไว้ พร้อมบอกว่าถ้าเขาทำตัวดีๆ
เรียนให้จบกลับมารับธุรกิจโรงพยาบาลที่บ้าน
จะยอมส่งเสียคยองซูจนจบแถมให้ทุนไว้ทำมาหากินเมื่อเรียนจบด้วย
เซฮุนเลือกไม่ได้
เขาเป็นแค่ลูกคนรวยที่ยังหาเงินไม่ได้สักแอะ จึงได้แค่ยอมพ่อตัวเองไป
ก่อนจะกลับไปเรียนเซฮุนยังได้แวะไปดูคยองซูแว่บหนึ่ง
เขาไว้ใจพ่อตัวเองเรื่องส่งเสียเรียนได้ แต่เรื่องอย่างอื่นต้องขอร้องแม่ ดีที่แม่ของเขาเองก็รัก
คยองซูเหมือนลูกจริงๆ เซฮุนจึงได้แต่วางใจแม่ตัวเองแล้วบินไปเรียนต่อให้จบ แต่จริงๆ แล้วก็ยังห่วงคยองซูไม่น้อย
ตอนนั้นด้วยความวัยรุ่นเมืองนอกทั่วไป
พอว่างก็หิ้วสาวเข้าห้องบ้าง เที่ยวนู่นนี่บ้าง ไม่ได้สังเกตเลยว่ารูมเมทอย่างจุ๋มคิดยังไงกับเขา
จุ๋มค่อนข้างเงียบและขยันเรียนจึงไม่ค่อยได้คุยกันเรื่องอื่น
จะมีก็แต่ทำกับข้าวให้เซฮุนกินบ่อยๆ เท่านั้น
ถ้าตอนนั้นเขาตัดใจจากคยองซูได้และลองสังเกตจุ๋มดีๆ
อาจจะมองเห็นก็ได้ว่าเพื่อนคนนี้ไม่ใช่คิดกับเขาแค่เพื่อน
หลังจากเรียนจบเฉพาะทางแล้วเซฮุนก็ยังติดต่อจุ๋มเสมอ
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเคยชินกับการคิดถึงจุ๋มก่อนตลอด
จำได้ว่าช่วงที่น้องแบคบังคับให้เขาคบด้วย
พอมีเรื่องอะไรก็จะวิ่งไปหาจุ๋มที่ผับตลอด แม้วันไหนจุ๋มไม่ได้เฝ้าผับ
เซฮุนยังวิ่งแจ้นไปหาถึงบ้าน รับไปกินข้าวด้วยซ้ำ เขานึกว่าตัวเองเคยชินกับการมีจุ๋ม
แต่ไม่รู้ตัวเลยว่าชอบจุ๋มมากกว่าคนอื่นตั้งนานแล้ว
เฮ้อ... เซฮุนถอนหายใจ ไม่คิดเรื่องเก่าๆ
แล้วดีกว่า เขารู้ตัวช้าแล้วไง ตอนนี้ก็รู้แล้วมั้ยล่ะ
คิดอะไรไปเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกพอดี
จุ๋มทำกับข้าวเสร็จแล้วและเรียกเขาไปกินข้าว เซฮุนว่าเขาจะรีบกินข้าวไวๆ หน่อย
จากนั้นเขาจะกินจุ๋มบ้าง
ว่าแล้วก็เดินไปหอมแก้มคนรักสักทีจนโดนค้อนใส่ว่าไม่กินข้าวแล้วรึไงเล่า
เซฮุนจึงตอบติดตลกว่างั้นไม่กินข้าวแล้วจะกินจุ๋มแทน
จึงโดนว่าอีกรอบกลายเป็นคนบ้ากามอีกครั้ง เซฮุนไม่สนล่ะ วันนี้กินข้าวแล้วจะกินจุ๋มต่อ
คนรักของเขาน่ารักขนาดนี้ใครจะไปอดใจไหว
แล้วก็จะได้ปั๊มลูกให้ทันคนอื่นด้วย
แบคฮยอนนี่เขาไม่แข่งแล้ว
แต่ต้องไม่น้อยหน้าไอ้หมอเจเพื่อนรักที่แอบเจาะถุงยางแน่ๆ
...
สี่วันให้หลัง
ในที่สุดก็ถึงงานแต่งของชานยอลและแบคฮยอน
แบคฮยอนบอกไม่ถูกว่านี่มันตื่นเต้นหรือว่าแพ้ท้องกันแน่
เอาจริงเขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะแพ้ท้องเพราะได้กลิ่นขนมแรงๆ
หรือแพ้เพราะตื่นเต้น
เอาเป็นว่าตอนนี้เจ้าสาวกำลังโก่งคออ้วกในห้องน้ำโดยมีชานยอลอยู่ข้างๆ
“ไหวมั้ยที่รัก”
หลังจากประคองแบคฮยอนมานั่งแล้วชานยอลก็ถามด้วยความห่วงใย
“อื้อ ไหวสิ ไม่ไหวได้เหรอ” แบคฮยอนพยักหน้า
ดมยาดมแล้วก็ตอบมาเสียงเบาๆ
วันนี้น่ะ
นอกจากงานแต่งของพวกเขาแล้วยังเป็นวันที่นัดแนะไว้กับพี่หมอเจด้วย
น่าสงสารนายแพทย์หนุ่มคนนี้มากๆ แบคฮยอนเองแม้ว่าจะรู้จักกับเหมียวผ่านคยองซูอีกที
แต่ระยะเวลาที่คบกันหลายปีก็เหมือนว่าตัวเองจะสนิทกับเหมียวมากกว่าใครแล้ว
จะยอมให้เพื่อนต้องงอนแฟนไปอีกนานได้ยังไงกันเล่า
หลังกินยาหอมไปแก้วนึง
เจ้าสาวในชุดสูทสีขาวก็เริ่มดีขึ้น หน้าเริ่มมีสีเลือด
และที่สำคัญสตรอเบอร์รี่ที่ชานยอลเตรียมไว้ ตอนนี้เขาซัดเกลี้ยงแล้ว พอคิดแล้วก็ตลกตัวเอง
ก่อนจะท้องก็ชอบกินสตรอเบอร์รี่อยู่แล้วนะ แต่พอท้องก็ยิ่งชอบกินยิ่งขึ้น
ในตู้เย็นบ้านเขานี่มีใส่กล่องไว้เต็มตู้เลย
กินเยอะจนชานยอลบอกว่าเห็นสตรอเบอร์รี่ก็จะอ้วกแทนแบคฮยอนแล้ว
ชานยอลกับแบคฮยอนย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันมาได้กว่าสัปดาห์แล้ว
เพราะบ้านที่ป๊าของชานยอลยกให้เป็นสินสอดนั้นเป็นคฤหาสน์ซึ่งสร้างไว้นานแล้ว
เหมือนว่าป๊าจะเตรียมไว้ให้ลูกๆ ห้าหลัง นับพี่ชายสามคน
จุ๋มและชานยอลซึ่งเป็นลูกคนสุดท้องได้พอดี
แต่เดิมทีป๊าคิดว่าชานยอลจะแต่งทีหลังเพราะมัวแต่เที่ยวกับปาร์ตี้อยู่ได้
เลยไม่ได้ตกแต่งพร้อมไว้
มาตอนนี้ชานยอลได้แต่งงานไว
บ้านหลังนั้นเลยต้องรีบตกแต่งเป็นพิเศษ
แต่เพราะบริษัทตกแต่งก็ของบ้านพี่จงอินซึ่งพ่อพี่จงอินเป็นเพื่อนกับป๊าชานยอลพอดี
งานตกแต่งเลยเสร็จไว แค่สัปดาห์เดียวก็เนรมิตให้เป็นบ้านที่อบอุ่นได้แล้ว
ชานยอลกับแบคฮยอนย้ายเข้าไปอยู่ทันทีเพื่อความสะดวก ซึ่งแบคฮยอนก็หนีบเอาป้าลำไย
แม่บ้านของตัวเองเข้าไปอยู่ด้วย
ตอนนี้ได้เวลาอันเหมาะสมแล้ว
บรรดาแขกเหรื่อเริ่มทยอยมา แบคฮยอนและชานยอลจึงเดินไปรับแขกหน้างาน
คุณแม่ท้องอ่อนๆ อย่างแบคฮยอนแม้เมื่อกี้จะแพ้ท้องหนักมากยังไงก็ตาม
พอเห็นว่าเป็นหน้าที่ต้องมารับแขกก็ขยันขันแข็งออกมายืนด้วย ไม่บ่นว่าเหนื่อยสักคำ
หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ฤกษ์
พิธียกน้ำชาและสู่ขอทำไปเมื่อเช้าแล้ว
ตอนนี้มีแต่งานเลี้ยงจึงมีการฉายวีดิโอที่ชานยอลกับแบคฮยอนไปถ่ายมาให้แขกดูเพื่ออิจฉาเล่นๆ
จากนั้นแขกผู้ใหญ่จึงขึ้นเวทีไปพร้อมกับดื่มแสดงความยินดีให้บ่าวสาวบนเวที
แขกบางส่วนเคยไปงานหมั้นของพวกเขาเมื่อสองสัปดาห์ก่อนแล้วจึงรู้ว่าแบคฮยอนกำลังท้อง
ก็ไม่วอแวให้เจ้าสาวต้องดื่มมากนัก
กลับกันชานยอลโดนคะยั้นคะยอให้ดื่มจนแทบจะเมาแล้ว
แล้วก็ถึงเวลาสำคัญเมื่อพิธีกรบอกว่าเจ้าสาวจะต้องโยนดอกไม้
ชานยอลนัดแนะให้ช่างไฟส่องสปอตไลต์ไปตรงที่หมอเจยืนอยู่เมื่อถึงเวลา
ส่วนคยองซูตอนนี้ก็จับมือเหมียวมายืนหน้าเวทีพร้อม
มองไปไม่ไกลมีเซฮุนกับจุ๋มปะปนอยู่กับคนที่รอรับดอกไม้เพื่อกันท่าคนอื่น
ส่วนพระเอกตอนนี้คือหมอเจยืนอยู่อย่างสงบกลางวงล้อมของสาวๆ
และหนุ่มบางคนที่อยากเสี่ยงโชค
แบคฮยอนไม่ใช่นักแม่นปืนที่คิดว่าจะโยนดอกไม้ไปถึงพี่หมอเจตรงๆ
แต่ก็ค่อนข้างไว้ใจว่าดอกไม้จะไปตรงคนที่ต้องการแน่นอนเพราะเซฮุนกับจุ๋มมาช่วยกันท่าคนอื่นไม่พอ
เขายังให้การ์ดบางคนแอบไปยืนข้างๆ หมอเจด้วย
เพื่อให้แน่ใจว่าช่อดอกไม้จะไม่ต่อไปหาคนอื่นจริงๆ
“เอ้า ถึงเวลาแล้วครับ
เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้ในมือลงไปเลย”
พิธีกรให้สัญญาณแล้วแบคฮยอนก็แกล้งโยนหลอกๆ
ไปครั้งหนึ่ง จากนั้นครั้งที่สองกะระยะแม่นๆ หน่อย
สักครู่ก็เห็นว่าช่อดอกไม้ตกลงไปในมือของพี่หมอเจเป๊ะๆ ทำเอาอดคิดไม่ได้ว่านี่มันเป็นสัญญาณที่ดีมั้ยนะ
ว่าคู่เจเหมียวจะได้แต่งคู่ต่อไปจริงๆ
“โอ้โห
คนที่ได้ช่อดอกไม้เป็นสุภาพบุรุษซะงั้นนะครับ ขอเชิญขึ้นมาบนเวทีเลย”
พิธีกรกล่าวแซ็วแล้วก็เรียกพี่หมอเจขึ้นมาบนเวที
แสงไฟสปอตไลท์ส่องไปยังเป้าหมายได้ดี แบคฮยอนก็มองหาเป้าหมายอีกรายด้วย
ตอนนี้คยองซูจับเหมียวให้ยืนหน้าเวทีแบบไม่มีใครบังสักคน
นี่เป็นจุดมาร์กที่พวกเขาซ้อมไว้ ทำได้ดีมากจริงๆ
“ทำไมคุณถึงมารอรับช่อดอกไม้ล่ะครับ”
พิธีกรยื่นไมค์ถาม
“จริงๆ แล้วผมอยากมอบช่อดอกไม้ให้ใครคนหนึ่งครับ”
พี่หมอเจก็ตอบรับคำถามตามบทพูดที่โทรมาคุยกับแบคฮยอนทันที
“อ้าว แล้วคนนั้นคือใครกันล่ะครับ?”
“คนนี้ครับ ที่ยืนอยู่หน้าเวที”
หมอเจตอบพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ไปข้างหน้า
“ผมขอมอบช่อดอกไม้นี้ให้คุณนะเหมียว”
เสียงปรบมือดังลั่นทั้งจากหน้าม้าและผู้ร่วมงานทั่วไปเมื่อสปอตไลท์ส่องลงไปยังเหมียวในชุดสูทสีครีมธีมเพื่อนเจ้าสาว
โดยมีคยองซูซึ่งอยู่ในชุดสูทสีเดียวกันจับมือเอาไว้ไม่ยอมให้หลบไปไหน
แน่นอนว่าตอนนี้เหมียวหน้าแดงไปหมดแล้ว
สปอตไลท์ส่องไปที่ทั้งคู่ หมอเจเดินไปข้างหน้า
แล้วก็ยื่นดอกไม้ออกไปจนเกือบถึงมือคนหน้าเวที พร้อมกับเอ่ยถ้อยคำที่มาจากใจจริง
“ยกโทษให้ผมนะครับ”
จบคำ เสียงปรบมือก็ดังเกรียวกราวอีกครั้ง
บางคนยังผิวปากแซ็วอีกด้วย หากแต่เหมียวกลับไม่ยื่นมือมารับช่อดอกไม้ซักนิด
แถมยังเบือนหน้าไปทางอื่นด้วย
“คิดว่าเล่นใหญ่แบบนี้จะยกโทษให้เหรอ?” จู่ๆ
ก็ถามออกมานอกบทแบบนี้เล่นเอาหมอเจอึ้งจนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
“ผมทำผิดมากหรือครับ”
แต่ก็ถามออกมาได้น่าเห็นใจทีเดียว
“ผิดมากสิ เห็นเหมียวเป็นอะไร คิดจะหลอกใช้ก็ทำ
คิดจะง้อก็เล่นใหญ่เบอร์นี้ คิดว่าเหมียวไม่กล้าปฏิเสธเหรอ?”
คำตอบเล่นเอาหมอเจอึ้งไปอีกรอบ
ท่ามกลางเสียงกระซิบของคนมุงผู้ไม่รู้เรื่องราว บางคนก็เห็นด้วยกับเหมียวว่าถูกหลอกใช้แล้วคิดจะง้อกันแบบนี้มันก็มัดมือชกไปหน่อย
“แต่ผมรักคุณนะครับ แต่งงานกันนะ”
หมอเจผู้ไม่รู้ทำอย่างไรจึงได้แต่บอกจุดประสงค์ของการง้อวันนี้ไปดื้อๆ
เลย
เสียงปรบมือเกรียวกราวดังขึ้นอีกครั้ง
แขกเหรื่อต่างก็เห็นด้วยกับการขอแต่งงานนี้ จะโกรธกันขนาดไหนก็ต้องใจอ่อนมั้ยล่ะ
อีกฝ่ายลงทุนไปรับช่อดอกไม้เจ้าสาวซึ่งเชื่อกันว่าใครได้ไปจะได้แต่งต่อ
จากนั้นก็ขอแต่งงานกับคนรักเอาดื้อๆ งี้เลย บางคนถึงกับผิวปากยอมรับความใจเด็ดของหมอเจด้วย
“ไม่”
แต่คำตอบของเหมียวกลับทำให้ทุกคนบ่นเป็นเสียงเดียว
“อ้าว!” ออกมาถ้วนหน้า
จากนั้นเหมียวก็ออกแรงสะบัดมือออกจากคยองซูที่กำลังอึ้ง
วิ่งหนีออกไปจากห้องบอลรูมเอาดื้อๆ เลย ท่ามกลางความอึ้งของทุกคนตั้งแต่บ่าวสาวยันแขกเหรื่อที่พากันผิวปากแซ็วเมื่อครู่
ตุบ!
เสียงดังเหมือนอะไรบางอย่างหล่น
ทุกคนยังไม่ทันหายตกใจกับการวิ่งหนีไปของเหมียว
พอหันไปบนเวที ก็พบว่าหมอเจซึ่งหน้าซีดเมื่อกี้ ล้มลงไปกับพื้นเสียแล้ว
...
“ไม่เอานะ อย่าเป็นอะไรนะคุณเจ เหมียวรักคุณ
ได้ยินมั้ย”
เหมียวตกใจมาก จนลนลานทำอะไรไม่ถูก
เมื่อกี้เขายังโกรธคุณเจมากจริงๆ จึงได้ปฏิเสธการขอแต่งงานและหนีไป
แต่พอไปถึงหน้าห้องบอลรูมก็ได้ยินคนตะโกนว่าคนที่ได้ช่อดอกไม้เมื่อกี้เป็นลมลงไปแล้ว
ใจก็หล่นไปอยู่ตาตุ่ม วิ่งกลับมาในงานมาดูใจคนรักจนเกือบสะดุดล้ม
โชคดีที่หมอฮุนอยู่ไม่ไกลเลยวิ่งมาดูอาการเพื่อนทันที
เขารีบบอกให้การ์ดอุ้มเพื่อนไปยังห้องข้างๆ จากนั้นก็วิ่งไปปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ดูอาการไปก็โทรเรียกรถพยาบาลไปด้วย
ตอนนี้เหมียวเลยได้มาอยู่ในรถพยาบาล
มือทั้งสองกุมมือคนรักเอาไว้ จากนั้นก็ร้องไห้ไปด้วยบอกรักไปด้วยแบบนี้
รถพยาบาลจอดหน้าห้องฉุกเฉินในเวลาไม่นาน
เซฮุนซึ่งบึ่งรถตัวเองมาจากงานแต่งก็มาถึงพอดี
รีบพาเพื่อนเข้าไปเช็กอาการโดยปล่อยให้เหมียวนั่งรอหน้าห้องโดยมีคยองซูปลอบอยู่ข้างๆ
ไม่เกินอึดใจเซฮุนก็ออกจากห้องฉุกเฉินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
พร้อมกับบอกว่าหมอเจฟื้นแล้ว
ที่แท้เป็นเพราะว่าหมอเจทำงานหนัก เหนื่อย เครียดไปหน่อยจึงไม่ค่อยได้กินข้าวและพักผ่อนนั่นเอง
ยิ่งตอนรอรับช่อดอกไม้ต้องอยู่ท่ามกลางฝูงคนอากาศหายใจไม่ค่อยจะมีก็เลยความดันตก
แถมช็อกเพราะเหมียวไม่ยอมตอบรับเลยเป็นลมไปก็เท่านั้น
“แล้วมาทำให้เป็นห่วงทำไมเนี่ย”
หลังจากย้ายหมอเจออกจากห้องฉุกเฉินเพื่อนอนพักและให้น้ำเกลือ
เหมียวก็โวยวายใส่คนไข้ทันที ทุบเบาๆ ลงหน้าอกคนรักก่อนจะร้องไห้อีกรอบ
“เหมียวเป็นห่วงแทบตายแน่ะ ไม่เอาแล้วนะอย่างนี้”
ตัดพ้อเบาๆ แล้วก็ซบลงอกคนรักอย่างอ่อนแรง
...
เจษฎายกมือมาลูบหัวน้องเหมียวเบาๆ เพื่อปลอบโยน
เขาจะรู้ได้ยังไงเล่า
ว่าตัวเองจะอ่อนแออะไรเบอร์นี้ จริงอยู่ว่าช่วงนี้รับงานไว้หนักมาก
มีทั้งเคสคนไข้ที่เซฮุนฝากไว้ก่อนมันจะไปลั้ลลาที่มัลดีฟส์ตั้งหนึ่งสัปดาห์ และเคสคนไข้ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าต้องการหมอเจษฎาเท่านั้นยังเยอะจนต้องรันคิวไม่หวาดไม่ไหว
แถมทุกๆ เย็น เขายังต้องไปง้อเหมียวที่บ้านอีก
ไปแล้วก็ไม่ได้เจอคนรักมันเศร้าจะตาย
ก็ไม่วายแอบดื่มนิดหน่อยจนนอนดึกและเพลียขนาดนี้
แต่ก็ดีแฮะ ตอนแรกนึกว่าจะแห้วซะอีก แม้จะขอเหมียวแต่งงานตามแผนไม่ได้
แต่ตอนนี้เหมียวกลับมานั่งซบอกเขาอยู่ตรงนี้
ก็ถือว่าอีกฝ่ายยกโทษให้เขาแล้วมั้ยล่ะ อันที่จริงก็ไม่เข้าใจเลย
โกรธอะไรนักหนากันเนี่ย ถึงได้โกรธนาน ง้อกลางงานก็แล้ว ขอแต่งงานก็แล้ว
ยังไม่ยอมยกโทษให้อีก ต้องให้เขาเป็นลมต่อหน้าถึงจะยอมลดราวาศอกให้
สงสารก็แต่เจ้าของงานแต่งอย่างชานยอลและแบคฮยอนอุตส่าห์ยกงานแต่งตัวเองให้พวกเขามาเล่นเกมง้อกัน
งานนี้ไม่สำเร็จไม่พอ ยังทำให้งานกร่อยเพราะเขาเป็นลมด้วย
ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นไงบ้าง
พออยากจะถามใครสักคน เซฮุนก็เข้ามาในห้องพอดี
“มึงไม่ต้องเป็นห่วง พอกูบอกว่ามึงปลอดภัยดี
แค่เป็นลมเพราะพิษรัก แต่ตอนนี้หายแล้วเพราะแฟนเฝ้าไม่ห่าง
งานแต่งก็ฉลองต่อไปกันแล้ว” คำตอบจากเพื่อนรักเล่นเอาคำสำนึกผิดเมื่อกี้ถูกกลืนลงท้องไปแล้ว
สรุปว่าเขาเป็นห่วงมากไปดิ
เหมียวเองก็ห่วงเขามากไปป่าว ถึงได้ซบลงอกเขาแล้วก็ไม่โงหัวขึ้นมาเลยขนาดนี้
เขาคุยกับเซฮุนตั้งนานยังไม่ลุกขึ้นมาเลย
เอ๊ะ?
พอนึกขึ้นได้ก็เลยขอให้เซฮุนช่วยดูหน่อยว่านี่เหมียวหลับคาอกเขารึเปล่า
แต่กลายเป็นว่าพอยกตัวน้องขึ้นมาไอ้ฮุนก็ตกใจเพราะน้องแขนขาอ่อน อยู่ๆ
ก็เป็นลมซะอย่างนั้น
เฮ้ยยยยย
เจษฎาร้องอย่างตกใจ ก่อนจะช้อนร่างคนรักขึ้นมาอุ้ม
ลืมตัวว่ามีน้ำเกลืออยู่จึงกระชากจนเข็มหลุด แต่เขาไม่สนแล้วว่าตัวเองจะเป็นยังไง
ตอนนี้พาเหมียวไปตรวจละเอียดก่อนเป็นใช้ได้
อย่าเป็นอะไรไปล่ะน้องเหมียวของหมอเจ
...
จบส่วนขยายจ้ะ ติดตามตอนต่อไปในจอย ep.19 เน้อ
@noeybaekbd
No comments:
Post a Comment