เจษฎาช็อกจนพูดไม่ออก
พยาบาลที่มากับเขาจึงเรียกสติด้วยการวางชาร์ตคนไข้ที่ยังไม่ได้ตรวจเช้านี้
อีกสองคน เขาพยายามตั้งสติ จะช็อกจนทำอะไรไม่ได้เพราะเหมียวยังรอเขาอยู่
จึงถอนหายใจหนึ่งเฮือกแล้วรีบไปตรวจคนไข้ต่อ
รีบตรวจให้เสร็จแล้วจะได้ไปหาคนรักเสียที
ผ่านไปสิบห้านาที
เจตรวจคนไข้รอบเช้าหรือเรียกสั้นๆ ว่าราววอร์ดเสร็จแล้ว เขาจัดการเช็คดูทุกอย่างทั้งเคสผ่าตัดหรือคนไข้ที่รอพักฟื้นหลังผ่าตัดแล้ว
ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
โทรไปหาไอ้หมอฮุนขอยกเลิกการตรวจคนไข้นอกของวันนี้ซึ่งจะเริ่มตอนเก้าโมง
จากนั้นก็รีบลงไปหาเหมียวที่ชั้นสามของโรงพยาบาลทันที
เหมียวกำลังนั่งร้องไห้อย่างที่คิดไว้
แม้จะไม่เห็นว่ามีน้ำตามากเท่าไหร่เพราะคนรักของเขาค่อนข้างร้องไห้ยากแต่สภาพนั่งกอดเข่าโดยมีคยองซูกอดปลอบอยู่ข้างๆ
นั้นก็ทำให้เจต้องวิ่งไปกอดคนรักแทบจะทันที
“ไม่เป็นไรนะ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”
เขาปลอบคนรักด้วยถ้อยคำซึ่งใครก็มักจะพูดกันเมื่อเจอความลำบาก
แต่ในใจของเจคิดอย่างนั้นจริงๆ ตั้งแต่หมอพี่อี้บอกเขาว่าลูกอาจไม่ปกติ
เขาก็คิดตลอดว่าจะทำอย่างไร ตรวจคนไข้ไปก็เรียบเรียงความคิดในหัวตัวเองไปด้วย
ไม่ว่าอย่างไรเขาจะอยู่ข้างๆ เหมียวของเขาเสมอ เราจะผ่านมันไปด้วยกันจริงๆ
แต่คำพูดอาจไม่กินใจคนรัก
หลังจากเหมียวเงยหน้ามาดูว่าใครเข้ามากอดก็ผลักเขาออกจากตัวแบบที่เจก็ไม่รู้สาเหตุสักนิด
“ออกไปเลย เพราะนายนั่นแหละ”
เจช็อกไปกับคำพูดนั้น อ้าว เขาไม่ได้ทำให้ลูกผิดปกตินี่นา
“เหมียวใจเย็น หมอยังไม่ได้บอกนี่ว่าเด็กเป็นอะไร”
“เย็นได้ยังไง เห็นมั้ยหมอเจ
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะคุณไม่ยอมบอกอะไรเหมียวซักอย่าง”
น้ำตาไหลอาบแก้มคนรักของเจทำเอาเขาไม่กล้าแม้แต่จะเถียงตอบ
เหมียวยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเอง แล้วพูดต่อเสียงสั่น “ลูก... ลูกของเหมียว”
“ลูกผมด้วยนะครับ” เจเข้าไปกอดคนรักอีกครั้ง
“พี่หมออี้ชิงถามว่าจะเป็นไรไหม ถ้าลูกไม่ปกติ
ต้องเอาออกจะโอเคไหม” มือสั่นระริกยังคงกุมหน้าท้อง “เหมียว... เหมียวไม่รู้จะทำอย่างไรเลย”
“อย่าเพิ่งคิดมาก หยุดร้องไห้ก่อนนะครับคนดีของผม”
เจษฎาทำได้แค่ยกมือคนรักมาจูบ
จากนั้นก็ลูบศีรษะด้วยความอ่อนโยน ปลอบด้วยจูบหน้าผากอีกรอบ
จากนั้นก็กอดคนรักไว้ให้แน่น สักพักจึงรู้สึกว่าเหมียวนิ่งไป คนรักของเขาไม่ร้องไห้แล้ว
“ทำยังไงดีคุณเจ”
เปลี่ยนสรรพนามมาเรียกเขาว่าคุณเจแล้ว แสดงว่าไม่โมโหแล้ว
เจษฎาหันไปมองด้านข้างเห็นน้องคยองซูพยักหน้าให้หนึ่งครั้ง
จากนั้นก็เดินออกจากห้องไปอย่างรู้มารยาท
เจพ่นลมหายใจออกหนึ่งครั้ง
ประคองคนรักให้นอนลงกับเตียงคนไข้ ห่มผ้าให้ จากนั้นเขาก็มานั่งข้างเตียง
มือหนึ่งกุมมือเหมียวไว้แน่น
“อย่างที่บอกคือเราจะผ่านมันไปด้วยกันนะครับคนดี
ไหนเล่ามาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
ถ้อยคำปลอบประโลมรวมถึงน้ำเสียงอบอุ่นของเขาทำให้เหมียวสงบ
จากนั้นคนรักก็เล่าให้ฟังว่าเมื่อวานตัวเองเหมือนจะเครียดเกินไปหน่อยจึงทำให้เลือดออกจากตรงนั้น
พอมาตรวจกับหมออี้ชิงตอนแรกก็บอกว่าไม่เป็นอะไรแต่ให้นอนพักเยอะๆ
แล้วเช้านี้หมอก็เข้ามาตรวจพร้อมใบหน้าเคร่งเครียดแล้วก็เอ่ยถ้อยคำเสียดแทงใจมาหนึ่งประโยค
“คุณเหมียวครับ
จะทำอย่างไรถ้าเด็กในท้องไม่สมบูรณ์ ถ้าต้องเอาออกจะโอเคไหม”
จากนั้นโลกของเหมียวก็ขาวโพลน ร่างเล็กสั่นเทิ้ม
หมออี้ชิงพูดอะไรอีกก็ไม่เข้าใจแล้ว
รู้แต่ว่าคยองซูกำลังรีบมาหาจึงเร่งให้เข้ามาเร็วหน่อย
ความคิดประเดประดังเข้ามาเหมือนกับวันสิ้นโลก เหมียวยอมรับว่าเคยพูดเล่นๆ
กับแบคฮยอนว่าลูกคนนี้ไม่มีก็ดี แต่พอตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว
แค่เลือดออกก็เครียดพอแล้ว ยังต้องมาได้ยินอะไรเกี่ยวกับเอาออกอีก
เหมียวเล่าว่าเขาคิดไปถึงว่าเด็กคนนี้เจษฎาเป็นคนตั้งใจมีเองแต่แรก
ไม่ได้เกิดจากความสมัครใจ ถ้ารู้ว่าอยากได้ลูกขนาดนั้นก็คงไม่เป็นแบบนี้
เด็กไม่ผิดอะไร เขาผิดปกติก็เพราะเจไม่บอก จึงพูดไปว่าทุกอย่างเป็นเพราะเจ
หลังจากฟังทุกอย่างเจก็ช็อกไปอีกรอบ
เขาไม่นึกว่าจะทำให้เหมียวเครียดจนถึงขนาดคิดว่าไม่มีลูกก็ดี แต่พอเหมียวบอกว่าตอนนี้ไม่คิดอย่างนั้นแล้วแต่กลายเป็นหมออี้ชิงมาจุดประเด็นก็เข้าใจ
ที่เขามานั่งอยู่ตรงนี้ก็เพราะอี้ชิงบอกว่าลูกผิดปกติไม่ใช่หรือ
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
แล้วบอกให้เหมียวใจเย็นก่อน เรื่องลูกยังไม่ทราบความแน่นอน
เขาจะเป็นคนไปถามรายละเอียดเรื่องนี้จากหมออี้ชิงเอง
จากนั้นก็ถามว่าเหมียวเครียดอะไรอย่างอื่นอีกไหมนอกจากเรื่องลูก
“คุณเจ... ยังมีอะไรที่ปิดบังเหมียวไว้รึเปล่า”
พอถูกคนรักถามด้วยสีหน้าจริงจัง เจก็เข้าใจ นี่สินะที่เป็นสาเหตุของทั้งหมด
เขาปิดบังอะไรเหมียวไว้หลายครั้งตั้งแต่เรื่องจงอิน เรื่องอยากมีลูก
จนกระทั่งเมื่อวานมีเรื่องพ่อตาอีก มันไม่ใช่แค่เรื่องไม่สบายใจธรรมดาแล้วเพราะมันมีเรื่องลูกกวนใจเหมียวด้วย
แต่เรื่องจงอินกับอยากมีลูกเขาก็บอกกับเหมียวไปหมดแล้ว
ก็คงเหลือเรื่องพ่อตานี่แหละ
เจเล่าให้คนรักฟังเรื่องความรู้สึกเมื่อเจอกับพ่อตา
ทั้งเรื่องชักสีหน้าไม่พอใจ เรื่องสินสอดน้อยหน้าเพื่อนๆ ไปจนถึงความท้อแท้ว่าพ่อตาไม่ชอบเขาจนกีดกันไม่ให้พบกับเหมียว
พอเล่าจบก็สังเกตสีหน้าคนรัก
กลายเป็นว่าเหมียวกะพริบตาปริบๆ ใส่เขาเสียนี่
“ผมเล่าให้ฟังหมดแล้วนะครับ
ทำไมเหมียวทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจสุดๆ
“เรื่องคุณพ่อเหมียวทำให้คุณเจคิดมากขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ก็ใช่สิครับ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
เจษฎาอึ้งไปเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันนี้
ทำไมเรื่องเครียดๆ ของเขาถึงทำให้คนรักหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังไปล่ะนี่
“เดี๋ยวนะเหมียว เรื่องนี้มันตลกตรงไหนครับ
ผมเครียดนะ”
“ฮ่าๆ จะไม่ให้หัวเราะได้ยังไง
คุณเจไม่รู้สิว่าพ่อเหมียวเป็นคนหน้าดุอยู่แล้ว”
“อ้าว...”
“แถมเมื่อต้นปีมานี้แกมีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อใบหน้า
ก็เลยไม่ยิ้มให้ใครเลย จริงๆ แกชอบคุณเจมากนะ สินสอดก็บ่นว่าให้มามากไปด้วยซ้ำ”
“อ้าว แล้วตอนกีดกันไม่ให้ผมเจอเหมียวล่ะครับ”
“ก็ตอนนั้นเหมียวงอนคุณเจนี่นา
ก็เลยบอกพ่อว่าห้ามไม่ให้คุณเจมาเจอเหมียว”
“เอ้า ตกลงเหมียวโกรธผมตอนนั้นมากเลยอ่อ”
“โกรธซี่
เหมียวทำให้คยองกับคุณจงอินต้องโกรธกันอ่ะ เครียดแทบตาย”
“งั้นตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วเนอะ”
เจยิ้มให้คนรักอย่างจริงใจ
ถ้าอย่างนี้เขากับเหมียวก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว
แต่กลายเป็นว่าคนรักกลับทำสีหน้าเครียดใส่
“มี!”
“อ้าว?”
“ต่อไปนี้ห้ามปิดบังอะไรเหมียวอีกนะ
ห้ามไปเที่ยวผับไม่บอกด้วย”
“อุ่ย ห้ามเที่ยวด้วยหรือครับ”
“ก็ไม่อยากให้ไปอ่ะ แล้วใครจะพาลูกเข้านอน”
พูดจบแล้วคนรักของเจษฎากลับทำหน้าเศร้า “ฮือ ลูกจ๋า”
พลางเอามือกุมท้องตัวเองอีกครั้ง
เจถึงกับตามไม่ทันกับอารมณ์ของคนรัก
แต่ก็ยังพอเข้าใจได้ ฮอร์โมนในร่างกายคนท้องมักแปรปรวน อารมณ์ก็แปรปรวนตาม
การสร้างเด็กไม่ใช่ง่ายๆ เลยต้องมีขึ้นมีลงแบบนี้ตลอด
เขาจึงยกมือเข้ากุมทับกับมือน้องตรงหน้าท้อง
จากนั้นก็เอ่ยเสียงนุ่มให้ได้วางใจสักหน่อย แม้ใจจะรุ่มร้อนไปด้วยเหมือนกัน
“อย่าเพิ่งคิดมากนะครับ
ผมจะไปคุยกับพี่อี้ชิงอีกรอบ ได้เรื่องยังไงจะมาคุยกับเหมียวอีกทีนะครับ”
พูดจบก็ลุกขึ้น ก้มลงจูบหน้าผากคนรักอีกรอบ
จากนั้นก็ออกจากห้องไป เขาเจอคยองซูหน้าห้องจึงยิ้มให้หนึ่งครั้ง
จากนั้นก็เดินไปหาหมออี้ชิงเพื่อปรึกษาเรื่องลูก แม้จะใจสั่นเพราะกลัวลูกเป็นอะไรไป
แต่เขาก็จะไม่หวั่น ความรู้สึกดีใจเมื่อได้ปรับความเข้าใจกับเหมียวทำให้เขาฮึกเหิม
ไม่ว่าอย่างไรต่อไปนี้เขาจะไม่ปิดบังอะไรเหมียวอีก
เขาไม่อยากให้คนรักเครียดอีกแล้ว
แต่เจก็จะได้รู้ในอีกไม่นานเลยทีเดียวว่าเขายังทำใจไปไม่พอ
***
กลับไปอ่านต่อ #คยองซูคนมึน ep.24
ได้เลยจ้า
By Noeybaekbd
No comments:
Post a Comment