จงอินยอมรับว่าเขาขี้ขลาด
เขาไม่รู้เลยว่า ‘คุยเปิดอก’ ที่แบคฮยอนพูดถึงคือยังไง ต้องเริ่มแบบไหน... ถึงจะไม่สั่นคลอนอารมณ์ของคนตัวเล็กที่เขากุมมืออยู่นี่
ใช่ ตลอดระยะเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่หลังจากได้รับคำแนะนำจากแบคฮยอนให้คุยกับคยองซูจริงจังเสียที จงอินก็พบเจอกับอารมณ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ ของคยองซูเป็นว่าเล่น
เอาจริงก็สงสัยมากว่าคนรักเป็นอะไร แต่ตอนนี้ก็ค่อนข้างเข้าใจแล้วว่าเพราะคยองซูอารมณ์แปรปรวนเนื่องจากแบกรับทายาทของเขาอยู่
จงอินลูบหน้าท้องคนบนเตียงเบาๆ พึมพำด้วยเสียงทุ้มว่า ‘ลูก’ เสร็จแล้วก็ยิ้มให้กับตัวเองหนึ่งครั้ง ตลกที่เขาเป็นคนพูดเองว่าอยากมีลูก เพื่อที่คยองซูจะได้พัก จะได้ยอมแต่งงานด้วย แต่ตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นคุยกับแม่ของลูกอย่างไร
เหตุการณ์ ‘ทะเลาะแต่เหมือนไม่ได้ทะเลาะ’ ของพวกเขาดำเนินมาเกือบเดือนจริงๆ จงอินไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อคยองซูบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคุย จึงได้แต่เงียบเอาดื้อๆ เขาไม่เคยนึกเลยว่าถ้าคยองซูงอแง เขาควรจะเอาใจสิ ทำเงียบอย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน
และเพราะเงียบนั่นแหละ ที่บอกแบคฮยอนว่าจะเข้าไปคุยก็ไม่ได้คุยสักที ลากยาวมาจนคยองซูคิดมาก จงอินยังตกใจไม่หายที่เห็นคนรักเป็นลมล้มพับในงานแต่งของหมอเจและเหมียว ซึ่งหลังจากนั้นนึกว่าจะดีขึ้นเพราะคยองยอมมาเรียนทำกาแฟกับเขา
ปรากฏว่านอกจากจะไม่หายงอนแล้ว คยองยังระบายอารมณ์จนทำข้าวของพัง เขาต้องคอยยั้ง สักพักก็วิ่งออกมาจนต้องตาม แล้วยังมาแพ้ท้อง อ้วกใส่เขาไปอีก
มาถึงตอนนี้จงอินก็ขอขอบคุณผ้ากันเปื้อนที่ทางคอร์สชงกาแฟแจกให้ เพราะถ้าไม่มีมัน ป่านนี้เขาก็คงตัวเหม็นอ้วกมากกว่านี้แน่
ร่างเล็กบนเตียงเริ่มขยับ พร้อมกับจงอินใจตกลงไปตาตุ่ม ถ้าคยองซูตื่นตอนนี้ เขายังไม่พร้อมแน่ คุยเปิดอกอะไรไม่ต้องพูดถึง แค่จะบอกคนรักยังไงว่าท้อง จงอินยังไม่ได้คิดเลย
นับว่าพระเจ้ายังเอ็นดูเขา เพราะคยองซูแค่ขยับตัวนิดหน่อย พึมพำสองสามที จากนั้นก็หลับเหมือนเดิม พอจงอินเห็นแบบนั้น ก็เป่าลมพรวดออกหนึ่งที ฟู่ มีเวลาตั้งหลักอีกนิดนึง
“นึกว่าจะตื่นซะแล้ว” บ่นเบาๆ จากนั้นก็เอามือไปลูบหน้าท้องคนรักอีกครั้ง “พี่ยังไม่รู้เลยว่าจะบอกคยองยังไงว่าเรากำลังมีเจ้าตัวเล็กกัน”
คยองซูยังคงหลับสนิท จงอินจึงพูดต่อ เขาคิดว่าอย่างน้อยซ้อมคุยสักรอบก็น่าจะดี
“คยองครับ รู้รึเปล่าว่าพี่จงอินรักคยองมากขนาดไหน” มือพี่ที่จับมือน้องอยู่ ยกขึ้นมาระดับใบหน้าตัวเองแล้วบรรจงจูบเบาๆ
“คยองอาจจะคิดว่าเราเพิ่งคบกัน เรายังไม่พร้อมจะใช้ชีวิตร่วมกัน แต่พี่น่ะ มั่นใจตั้งแต่เมื่อสิบหกปีที่แล้วละนะ”
“ตอนนั้นพี่อ่อนแอ เป็นนีนี่ที่ต้องให้คยองดูแล จริงๆ แล้วพี่ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ พี่อยากให้คยองดูแลพี่ตลอดไปต่างหาก”
“นึกไม่ถึงว่าเราจะไม่เจอกันอีกหลังจากนั้น มีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นและพรากเราจากกัน แต่ในที่สุดพี่ก็ได้เจอคยองของพี่เสียที” จงอินพูดถึงตรงนี้ก็ยกมือคนรักมาจูบอีกครั้ง
“พี่ดีใจมากนะครับที่เราเป็นแฟนกันจริงๆ ดีใจที่คยองตอบรับความรักของพี่ ดีใจที่ได้บอกว่าพี่คือนีนี่ แต่คยองรู้ไหม พี่จะดีใจที่สุดนะ ถ้าเราได้แต่งงานกัน” พอถึงตรงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาก็หมองลง
“พี่ไม่ต้องการเวลาที่จะพิสูจน์ใจเราอีกแล้ว พี่ให้ได้ทุกอย่างเพื่อแลกกับการอยู่กับคยอง แต่ทำไมเราต้องใจร้ายกับพี่ ทำไมต้องอ้างเรื่องหนี้สินที่พี่ช่วยเราได้ หรือจริงๆ แล้วพี่ไม่เคยเข้าไปเป็นคนสำคัญของคยองจริงๆ” จงอินสุดจะกลั้น ความน้อยใจที่บั่นทอนเขาที่สุดคือคนรักปฏิเสธความช่วยเหลือของเขา
มันพลอยทำให้คิดว่า หรือมีแค่เขาที่รักคยองจริงๆ แล้วคนที่คยองรักอาจไม่ใช่เขา อาจเป็นนีนี่ หรือนายจงอินคนงานก่อสร้างก็ได้
น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาเพราะความอัดอั้น เขาไม่ใช่คนพูดเก่ง ที่พูดออกมาตอนนี้ก็เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายหลับอยู่ ถ้าเขาหาจังหวะพูดได้มากกว่านี้ ถ้าเขาพูดเก่งกว่านี้ก็คงจะดี พอคิดถึงแค่นี้จงอินก็ฟุบลงกับเตียงคนไข้ร้องไห้เบาๆ
จู่ๆ มือที่เขากุมไว้ก็มีความเคลื่อนไหว จงอินรีบเงยหน้าแล้วเอามืออีกข้างปาดน้ำตาตัวเอง แต่ยังไม่ทันจะเช็ดน้ำตาหมดดี ก็ได้ยินคำพูดหนึ่งทำเอาชะงัก
“ผมไม่ได้ไม่รักพี่จงอินเสียหน่อย”
จงอินถึงกับอ้าปากค้างเมื่อคยองซูยกมือมาปาดน้ำตาให้เขา จูบเบาๆที่กระหม่อม พร้อมกับบ่นเสียงกระปอดกระแปด “จริงๆ เรื่องหนี้น่ะ ตอนนี้ก็ทำใจแล้วแหละว่าจะขอยืมเงินพี่ก่อน”
“ส่วนเรื่องเจ้าตัวเล็ก” พูดไปก็ลูบหน้าท้องตัวเองด้วย “ขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้บอกก่อน รู้มาสักพักแล้วล่ะ ก็เลยรีบเคลียร์ร้าน จะได้ไปแต่งงานกับพี่จงอินไง”
“อะ อะไรนะครับ?” จงอินยังคงทำหน้าเหวอ
“อือ จะแต่งงานด้วย จะปิดร้านไปเลี้ยงลูก ถ้างั้นก็ขอยืมเงินไปใช้หนี้ด้วยนะ”
“ไชโย!” จงอินได้ยินชัดสองรูหู เลยดีใจจนยกคนรักตัวเล็กขึ้นจากเตียงหวังจะฟัด แต่พอโดนเตือนด้วยการกุมท้อง เลยเพิ่งรู้ตัว จากนั้นก็วางคยองซูลงบนเตียงเหมือนเดิม
“พี่นึกว่าเราโกรธพี่มาตลอดเลย”
“จริงๆ ตอนแรกก็โกรธแหละ คนอะไรมาบังคับให้แต่งอยู่ได้”
“คยองอ่า...”
“แต่พอรู้ว่ามีเจ้าตัวเล็กก็เลยเริ่มวางแผนขายร้าน ยุ่งจนไม่มีเวลาโกรธหรอก แล้วก็บางทีหงุดหงิดเพราะแพ้ท้องน่ะ”
“งั้นที่เราทำหน้าเหม็นบูดใส่พี่ก็...”
“อือ เหม็นเหงื่อมากเลย แล้ววันนี้ยังเหม็นกาแฟอีก”
“หืม?”
“ก็ตอนแรกไม่รู้ว่าจะเหม็นนี่นา ก็เลยยอมมา แต่พอมาบดกาแฟแล้วเหม็นมากเลย แต่เกรงใจคนอื่นเลยรีบๆ ทำ ไหงเครื่องพังก็ไม่รู้ สุดท้ายทนไม่ไหวเลยวิ่งออกมาอ้วกไง พี่จงอินยังมายืนขวางอีก”
จงอินอ้าปากค้างอีกครั้ง
No comments:
Post a Comment