Sunday, December 3, 2017

ส่วนขยาย คยองซูคนมึน ep.24 หมอเจคุยกับเหมียว



เจษฎาช็อกจนพูดไม่ออก พยาบาลที่มากับเขาจึงเรียกสติด้วยการวางชาร์ตคนไข้ที่ยังไม่ได้ตรวจเช้านี้ อีกสองคน เขาพยายามตั้งสติ จะช็อกจนทำอะไรไม่ได้เพราะเหมียวยังรอเขาอยู่ จึงถอนหายใจหนึ่งเฮือกแล้วรีบไปตรวจคนไข้ต่อ รีบตรวจให้เสร็จแล้วจะได้ไปหาคนรักเสียที

ผ่านไปสิบห้านาที เจตรวจคนไข้รอบเช้าหรือเรียกสั้นๆ ว่าราววอร์ดเสร็จแล้ว เขาจัดการเช็คดูทุกอย่างทั้งเคสผ่าตัดหรือคนไข้ที่รอพักฟื้นหลังผ่าตัดแล้ว ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง โทรไปหาไอ้หมอฮุนขอยกเลิกการตรวจคนไข้นอกของวันนี้ซึ่งจะเริ่มตอนเก้าโมง จากนั้นก็รีบลงไปหาเหมียวที่ชั้นสามของโรงพยาบาลทันที

เหมียวกำลังนั่งร้องไห้อย่างที่คิดไว้ แม้จะไม่เห็นว่ามีน้ำตามากเท่าไหร่เพราะคนรักของเขาค่อนข้างร้องไห้ยากแต่สภาพนั่งกอดเข่าโดยมีคยองซูกอดปลอบอยู่ข้างๆ นั้นก็ทำให้เจต้องวิ่งไปกอดคนรักแทบจะทันที

“ไม่เป็นไรนะ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”

เขาปลอบคนรักด้วยถ้อยคำซึ่งใครก็มักจะพูดกันเมื่อเจอความลำบาก แต่ในใจของเจคิดอย่างนั้นจริงๆ ตั้งแต่หมอพี่อี้บอกเขาว่าลูกอาจไม่ปกติ เขาก็คิดตลอดว่าจะทำอย่างไร ตรวจคนไข้ไปก็เรียบเรียงความคิดในหัวตัวเองไปด้วย ไม่ว่าอย่างไรเขาจะอยู่ข้างๆ เหมียวของเขาเสมอ เราจะผ่านมันไปด้วยกันจริงๆ

แต่คำพูดอาจไม่กินใจคนรัก หลังจากเหมียวเงยหน้ามาดูว่าใครเข้ามากอดก็ผลักเขาออกจากตัวแบบที่เจก็ไม่รู้สาเหตุสักนิด

“ออกไปเลย เพราะนายนั่นแหละ”

เจช็อกไปกับคำพูดนั้น อ้าว เขาไม่ได้ทำให้ลูกผิดปกตินี่นา

“เหมียวใจเย็น หมอยังไม่ได้บอกนี่ว่าเด็กเป็นอะไร”
“เย็นได้ยังไง เห็นมั้ยหมอเจ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะคุณไม่ยอมบอกอะไรเหมียวซักอย่าง” น้ำตาไหลอาบแก้มคนรักของเจทำเอาเขาไม่กล้าแม้แต่จะเถียงตอบ เหมียวยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเอง แล้วพูดต่อเสียงสั่น “ลูก... ลูกของเหมียว”

“ลูกผมด้วยนะครับ” เจเข้าไปกอดคนรักอีกครั้ง
“พี่หมออี้ชิงถามว่าจะเป็นไรไหม ถ้าลูกไม่ปกติ ต้องเอาออกจะโอเคไหม” มือสั่นระริกยังคงกุมหน้าท้อง “เหมียว... เหมียวไม่รู้จะทำอย่างไรเลย”
“อย่าเพิ่งคิดมาก หยุดร้องไห้ก่อนนะครับคนดีของผม”

เจษฎาทำได้แค่ยกมือคนรักมาจูบ จากนั้นก็ลูบศีรษะด้วยความอ่อนโยน ปลอบด้วยจูบหน้าผากอีกรอบ จากนั้นก็กอดคนรักไว้ให้แน่น สักพักจึงรู้สึกว่าเหมียวนิ่งไป คนรักของเขาไม่ร้องไห้แล้ว

“ทำยังไงดีคุณเจ” เปลี่ยนสรรพนามมาเรียกเขาว่าคุณเจแล้ว แสดงว่าไม่โมโหแล้ว เจษฎาหันไปมองด้านข้างเห็นน้องคยองซูพยักหน้าให้หนึ่งครั้ง จากนั้นก็เดินออกจากห้องไปอย่างรู้มารยาท

เจพ่นลมหายใจออกหนึ่งครั้ง ประคองคนรักให้นอนลงกับเตียงคนไข้ ห่มผ้าให้ จากนั้นเขาก็มานั่งข้างเตียง มือหนึ่งกุมมือเหมียวไว้แน่น

“อย่างที่บอกคือเราจะผ่านมันไปด้วยกันนะครับคนดี ไหนเล่ามาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

ถ้อยคำปลอบประโลมรวมถึงน้ำเสียงอบอุ่นของเขาทำให้เหมียวสงบ จากนั้นคนรักก็เล่าให้ฟังว่าเมื่อวานตัวเองเหมือนจะเครียดเกินไปหน่อยจึงทำให้เลือดออกจากตรงนั้น พอมาตรวจกับหมออี้ชิงตอนแรกก็บอกว่าไม่เป็นอะไรแต่ให้นอนพักเยอะๆ แล้วเช้านี้หมอก็เข้ามาตรวจพร้อมใบหน้าเคร่งเครียดแล้วก็เอ่ยถ้อยคำเสียดแทงใจมาหนึ่งประโยค

“คุณเหมียวครับ จะทำอย่างไรถ้าเด็กในท้องไม่สมบูรณ์ ถ้าต้องเอาออกจะโอเคไหม”

จากนั้นโลกของเหมียวก็ขาวโพลน ร่างเล็กสั่นเทิ้ม หมออี้ชิงพูดอะไรอีกก็ไม่เข้าใจแล้ว รู้แต่ว่าคยองซูกำลังรีบมาหาจึงเร่งให้เข้ามาเร็วหน่อย ความคิดประเดประดังเข้ามาเหมือนกับวันสิ้นโลก เหมียวยอมรับว่าเคยพูดเล่นๆ กับแบคฮยอนว่าลูกคนนี้ไม่มีก็ดี แต่พอตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว แค่เลือดออกก็เครียดพอแล้ว ยังต้องมาได้ยินอะไรเกี่ยวกับเอาออกอีก

เหมียวเล่าว่าเขาคิดไปถึงว่าเด็กคนนี้เจษฎาเป็นคนตั้งใจมีเองแต่แรก ไม่ได้เกิดจากความสมัครใจ ถ้ารู้ว่าอยากได้ลูกขนาดนั้นก็คงไม่เป็นแบบนี้ เด็กไม่ผิดอะไร เขาผิดปกติก็เพราะเจไม่บอก จึงพูดไปว่าทุกอย่างเป็นเพราะเจ

หลังจากฟังทุกอย่างเจก็ช็อกไปอีกรอบ เขาไม่นึกว่าจะทำให้เหมียวเครียดจนถึงขนาดคิดว่าไม่มีลูกก็ดี แต่พอเหมียวบอกว่าตอนนี้ไม่คิดอย่างนั้นแล้วแต่กลายเป็นหมออี้ชิงมาจุดประเด็นก็เข้าใจ ที่เขามานั่งอยู่ตรงนี้ก็เพราะอี้ชิงบอกว่าลูกผิดปกติไม่ใช่หรือ

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วบอกให้เหมียวใจเย็นก่อน เรื่องลูกยังไม่ทราบความแน่นอน เขาจะเป็นคนไปถามรายละเอียดเรื่องนี้จากหมออี้ชิงเอง จากนั้นก็ถามว่าเหมียวเครียดอะไรอย่างอื่นอีกไหมนอกจากเรื่องลูก

“คุณเจ... ยังมีอะไรที่ปิดบังเหมียวไว้รึเปล่า”

พอถูกคนรักถามด้วยสีหน้าจริงจัง เจก็เข้าใจ นี่สินะที่เป็นสาเหตุของทั้งหมด เขาปิดบังอะไรเหมียวไว้หลายครั้งตั้งแต่เรื่องจงอิน เรื่องอยากมีลูก จนกระทั่งเมื่อวานมีเรื่องพ่อตาอีก มันไม่ใช่แค่เรื่องไม่สบายใจธรรมดาแล้วเพราะมันมีเรื่องลูกกวนใจเหมียวด้วย แต่เรื่องจงอินกับอยากมีลูกเขาก็บอกกับเหมียวไปหมดแล้ว ก็คงเหลือเรื่องพ่อตานี่แหละ

เจเล่าให้คนรักฟังเรื่องความรู้สึกเมื่อเจอกับพ่อตา ทั้งเรื่องชักสีหน้าไม่พอใจ เรื่องสินสอดน้อยหน้าเพื่อนๆ ไปจนถึงความท้อแท้ว่าพ่อตาไม่ชอบเขาจนกีดกันไม่ให้พบกับเหมียว

พอเล่าจบก็สังเกตสีหน้าคนรัก กลายเป็นว่าเหมียวกะพริบตาปริบๆ ใส่เขาเสียนี่

“ผมเล่าให้ฟังหมดแล้วนะครับ ทำไมเหมียวทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจสุดๆ
“เรื่องคุณพ่อเหมียวทำให้คุณเจคิดมากขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ก็ใช่สิครับ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”

เจษฎาอึ้งไปเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันนี้ ทำไมเรื่องเครียดๆ ของเขาถึงทำให้คนรักหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังไปล่ะนี่

“เดี๋ยวนะเหมียว เรื่องนี้มันตลกตรงไหนครับ ผมเครียดนะ”
“ฮ่าๆ จะไม่ให้หัวเราะได้ยังไง คุณเจไม่รู้สิว่าพ่อเหมียวเป็นคนหน้าดุอยู่แล้ว”
“อ้าว...”
“แถมเมื่อต้นปีมานี้แกมีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อใบหน้า ก็เลยไม่ยิ้มให้ใครเลย จริงๆ แกชอบคุณเจมากนะ สินสอดก็บ่นว่าให้มามากไปด้วยซ้ำ”
“อ้าว แล้วตอนกีดกันไม่ให้ผมเจอเหมียวล่ะครับ”
“ก็ตอนนั้นเหมียวงอนคุณเจนี่นา ก็เลยบอกพ่อว่าห้ามไม่ให้คุณเจมาเจอเหมียว”
“เอ้า ตกลงเหมียวโกรธผมตอนนั้นมากเลยอ่อ”
“โกรธซี่ เหมียวทำให้คยองกับคุณจงอินต้องโกรธกันอ่ะ เครียดแทบตาย”
“งั้นตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วเนอะ”

เจยิ้มให้คนรักอย่างจริงใจ ถ้าอย่างนี้เขากับเหมียวก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว แต่กลายเป็นว่าคนรักกลับทำสีหน้าเครียดใส่

“มี!
“อ้าว?”
“ต่อไปนี้ห้ามปิดบังอะไรเหมียวอีกนะ ห้ามไปเที่ยวผับไม่บอกด้วย”
“อุ่ย ห้ามเที่ยวด้วยหรือครับ”
“ก็ไม่อยากให้ไปอ่ะ แล้วใครจะพาลูกเข้านอน” พูดจบแล้วคนรักของเจษฎากลับทำหน้าเศร้า “ฮือ ลูกจ๋า” พลางเอามือกุมท้องตัวเองอีกครั้ง

เจถึงกับตามไม่ทันกับอารมณ์ของคนรัก แต่ก็ยังพอเข้าใจได้ ฮอร์โมนในร่างกายคนท้องมักแปรปรวน อารมณ์ก็แปรปรวนตาม การสร้างเด็กไม่ใช่ง่ายๆ เลยต้องมีขึ้นมีลงแบบนี้ตลอด

เขาจึงยกมือเข้ากุมทับกับมือน้องตรงหน้าท้อง จากนั้นก็เอ่ยเสียงนุ่มให้ได้วางใจสักหน่อย แม้ใจจะรุ่มร้อนไปด้วยเหมือนกัน

“อย่าเพิ่งคิดมากนะครับ ผมจะไปคุยกับพี่อี้ชิงอีกรอบ ได้เรื่องยังไงจะมาคุยกับเหมียวอีกทีนะครับ”

พูดจบก็ลุกขึ้น ก้มลงจูบหน้าผากคนรักอีกรอบ จากนั้นก็ออกจากห้องไป เขาเจอคยองซูหน้าห้องจึงยิ้มให้หนึ่งครั้ง จากนั้นก็เดินไปหาหมออี้ชิงเพื่อปรึกษาเรื่องลูก แม้จะใจสั่นเพราะกลัวลูกเป็นอะไรไป แต่เขาก็จะไม่หวั่น ความรู้สึกดีใจเมื่อได้ปรับความเข้าใจกับเหมียวทำให้เขาฮึกเหิม ไม่ว่าอย่างไรต่อไปนี้เขาจะไม่ปิดบังอะไรเหมียวอีก เขาไม่อยากให้คนรักเครียดอีกแล้ว

แต่เจก็จะได้รู้ในอีกไม่นานเลยทีเดียวว่าเขายังทำใจไปไม่พอ

***

กลับไปอ่านต่อ #คยองซูคนมึน ep.24 ได้เลยจ้า

By Noeybaekbd

Wednesday, November 22, 2017

ส่วนขยาย คยองซูคนมึน ep.22 [NC-17]



จงอินยอมรับว่าตัวเองถูกกดดันจนหัวแทบระเบิด แต่ลึกๆ แล้วเขาก็อดใจเต้นไม่ได้ ดูเหมือนทุกคนจะอยากให้เขาและน้องคยองซูมีอะไรกันเหลือเกินซึ่งนั่นก็เป็นความต้องการของเขาด้วยเหมือนกัน

มือรัวตอบแชทแต่สมองก็คิดไปแล้วว่าทำอย่างไรน้องถึงจะยอม กระทั่งหมอฮุนจุดประกายทางสว่าง ทะเล ภูเขา ที่เปลี่ยว ฝนตก ต่างก็เป็นสถานที่ยอดฮิตในการไปเที่ยวและเสียตัว เขาต้องเลือกสักทางสินะ ตัดภูเขาไปก่อนเพราะไกลไป ที่เปลี่ยวก็น่ากลัว ฝนตกนี่ไม่รู้มันจะตกดั่งใจไหม ดังนั้นทะเลจึงเป็นคำตอบสุดท้าย

คยองซูตอนนี้กำลังทำงานในร้านยา ส่วนจงอินก็มานั่งเฝ้าเหมือนวันอื่นๆ ที่เขาไม่มีงาน แม้จะบอกว่าหายโกรธแล้ว แต่พอลูกค้าไม่เข้าร้าน คนตัวเล็กน่ารักของจงอินก็ไปนั่งเล่นมือถือตรงเคาน์เตอร์ ไม่ยอมมาหาเขาเสียนี่ เฮ้อ แสดงว่ายังไม่หายงอนใช่มั้ย สงสัยต้องรุกน้องสักหน่อยคืนนี้จะได้ง่ายๆ

ว่าแล้วก็เดินไปกอดร่างเล็กจากด้านหลัง มีเสียงสะดุ้งเล็กน้อยให้รู้สึกว่าเขาเดินเนียนได้ดี หลังจากนั้นก็มีเสียงดุว่าทำไมมาไม่ให้สุ้มให้เสียง

จงอินหันไปมองหน้าร้านไม่มีคนก็ก้มลงจูบกระหม่อมเบาๆ เสียงดุว่าจากคยองซูก็หายไปเหลือเพียงเสียงของหัวใจสองดวงยามเต้นตรงกันพอดี ใครบอกว่าคยองซูตัดผมทรงนี้แล้วไม่น่ารัก เขาว่ายิ่งน่ารักไปกว่าเดิมเสียอีก มันไม่เหมือนในหนังอีโล้นซ่าส์ที่คยองบอกว่านางเอกหัวโล้นแล้วน่าเกลียด นี่มันน้องเกาลัดของเขาต่างหาก หัวเหม่งตาโตปากจิ้มลิ้ม น่ารักจนอยากฟัดทั้งวันเลย ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมอ่ะนะ

“กอดทำไมเนี่ย จุ๊บหัวผมด้วย” สักพักคยองซูก็ทักขึ้น
“อยากกอดแฟนครับ แฟนพี่น่ารัก” จงอินยังกอดไม่ปล่อย จุ๊บลงกระหม่อมน้องอีกรอบ ภาษาบ้านๆ น่าจะเรียกว่าหอมหัว อื้ม หัวน้องก็หอมจริงๆ
“ฮื่อ”
“ใช้แชมพูอะไรครับ หอมจนอยากจุ๊บไปทั้งวันเลย” เพราะความสูงของคยองซูพอๆ กับติ่งหูของจงอินเท่านั้นเอง ยามนี้เมื่อเขากอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง ปากจงอินจึงสามารถจุ๊บศีรษะน้องได้เรื่อยๆ

“ไม่ต้องรู้เลย หยุดจุ๊บแล้วปล่อยได้แล้ว ลูกค้ามา”

ถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์อย่างคำว่า “ลูกค้ามา” ทำเอาจงอินต้องผละออกจากน้องด้วยความเสียดาย เพียงไม่นานกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขึ้นเนื่องจากมีคนเปิดประตู ลูกค้านี่ก็จริงๆ เลย ทำไมต้องมาตอนที่เขากำลังสวีทกับแฟนด้วย คอยดูนะ ถ้าเขากับคยองซูแต่งงานกันเมื่อไหร่ จะขอให้ปิดร้านนี้ซะ หนึ่งคือไม่อยากให้เมียลำบาก สองก็คือเขาอยากจะสวีทกับคยองซูทั้งวันทั้งคืนไปเลย

จงอินถอยออกมาอยู่หลังร้าน นั่งทำหน้าเซ็งเหมือนเดิม ยกสมาร์ทโฟนในมือมาเสิร์ชหาที่เที่ยวไปพลาง จ้องมองไปยังหน้าร้านพลาง คยองซูยังรับลูกค้าไม่เสร็จอีก ดีล่ะ งั้นก็จิ้มเลือกรีสอร์ทบนเกาะล้านไปก็แล้วกัน มันอยู่ไม่ไกลกรุงเทพ ที่สำคัญคยองซูเคยไปแล้วชอบมากทีเดียว จะได้ไปคืนนี้เลย

เลือกที่พักกับกะระยะเวลา เส้นทางและเรือคร่าวๆ จงอินก็คิดว่าน่าจะโอเคสำหรับแผนขอน้องเสียตัวในคืนนี้แล้ว ตาก็มองไปยังหน้าร้านอีกครั้ง นั่นไง แฟนเขาคิดเงินลูกค้าพอดี

จงอินกำลังจะลุกออกไปหาคยองซูอีกรอบ แต่กลับพบว่าน้องเดินมาหาเขาหลังร้านเสียเอง ร่างสูงเลยนั่งอยู่กับที่รอน้องมาหา หลังจากคยองซูมาถึงตรงหน้าก็ทำหน้าเซ็งสักหน่อย มุกหมาหงอยแบบนี้จงอินใช้บ่อย แล้วพอคยองซูเห็นเขานั่งหงอยแบบนี้ก็จะหันมาปลอบทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน

“เบื่อเหรอ?” คยองซูไม่ได้นั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามแต่กลับยืนแล้วเอามือจับไหล่จงอินไว้
“อยากกอดแฟน” ว่าจบก็รั้งเอวน้องมากอดไว้พลางซบหน้ากับหน้าท้องนุ่มนิ่ม
“งั้นเย็นนี้ค่อยไปหาอะไรกินก็แล้วกัน” คยองซูปล่อยให้จงอินกอดอยู่อย่างนั้น มือที่ว่างก็เอาวางบนไหล่คนรัก
“อยากไปตอนนี้เลย”
“หืม?”
“นะครับ”
“มามุกไหนอีกล่ะเนี่ย?”

จบคำถามคยองซูก็ปลดมือจงอินออกจากเอว หลังจากนั้นก็นั่งลงเก้าอี้ด้านข้างแทน มือน้อยยกขวดน้ำรินน้ำใส่แก้ว จากนั้นดื่มหนึ่งครั้ง รอคนพี่พูดต่อ

จงอินจึงเล่าว่าตัวเองต้องการไถ่โทษที่ทำให้คยองซูโกรธ จึงได้เตรียมสถานที่แห่งหนึ่งไว้ อยากพาคนรักไปตอนนี้เลย แม้คยองซูจะอ้างว่าต้องเปิดร้านแต่จงอินก็ทำหน้านีนี่งอนใส่อีกรอบ เล่นเอาคยองซูอึกๆ อักๆ เขาก็ไม่รอท่า รีบกอดแฟนไว้อีกรอบ อ้อนสักหน่อย สักพักคยองซูจึงถอนหายใจแล้วก็ยอมไปปิดร้านเสียโดยดี

จงอินรู้สึกดีใจจนแทบจะเต้นแท็ปออกไปนอกร้าน แผนขั้นแรกเป็นไปด้วยดี เขาล่ะอยากจะเห็นสีหน้าไอ้พวกหัวหมอนัก โดยเฉพาะไอ้หมอฮุนที่คอยกดดันเขา ทีตอนแรกล่ะทำเป็นไม่ชอบเขา หวงเขากับคยองซู แต่ทีตอนนี้อยากให้ได้กันก็มาไล่ให้ไปทำเร็วๆ อีก คอยดูจะทำให้คยองซูท้องตามเมียพวกมันไปเลย

ขับรถไม่นานก็ถึงท่าเรือเฟอร์รี่ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 5 โมงเย็น จึงยังมีเรือให้เอารถขึ้นไปบนเกาะได้ จงอินโล่งใจ ถ้าต้องข้ามเกาะไปแบบไม่มีรถ คงต้องเช่ามอเตอร์ไซค์แทน ซึ่งให้แฟนซ้อนท้ายคงไม่ดีนัก เอ๊ะ หรือจะดีกว่าเพราะถ้าคยองซูซ้อนท้ายจะได้กอดเขาแน่นๆ ด้วย แค่คิดก็ฟินแล้ว

“เรือมาแล้ว”

จงอินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่นานก็มีเสียงบอกว่าเรือมาถึงท่าเรือแล้ว เขาส่ายศีรษะกับความคิดพาน้องซ้อนท้าย จากนั้นก็ขับรถไปขึ้นเรือตามแผนตอนแรก


ขับรถขึ้นเรือข้ามฟากจากแผ่นดินไปสักพัก ในสายตาก็ปรากฏฝั่งเกาะขึ้นมา จงอินมองหน้าคนรักที่กำลังมองทิวทัศน์รอบๆ ด้วยความเอ็นดู ปากบอกว่าไม่อยากทิ้งร้านมาเที่ยวเล่น แต่พอเอาเข้าจริงกลับตื่นเต้นยิ่งกว่าคนชวนเสียอีก แววตาเป็นประกายบวกกับรอยยิ้มรูปหัวใจดวงน้อยทำเอาใจของจงอินโคตรจะมีความสุข แต่มันจะสุขกว่าถ้าคืนนี้น้องยอมเป็นของเขา

มือหนายกขึ้นมาจับมือเล็กเอาไว้ จงอินไม่พูดอะไร คยองซูก็ไม่พูดอะไรแต่ราวกับใจสื่อถึงกัน ชั่วขณะนั้นคนรอบข้างน่าจะมองไม่เห็นเพราะเขายังนั่งอยู่ในรถกันอยู่ หากมองเข้ามาคงแปลกใจว่าสองคนนี้ทำไมหน้าแดงกันนะ จะว่าแดดส่องก็ไม่ใช่เพราะนี่ก็ใกล้เย็นมากแล้ว มีเพียงทั้งสองคนนี้เท่านั้นที่รู้ว่าหมายถึงอะไร จงอินคิดว่าวันนี้การพาคนรักออกมาทะเลเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดของเขาแล้ว

ขับรถเข้าที่พักแล้วก็สั่งอาหารแถวนั้นเลย จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมาก พวกเขาสั่งอาหารสดเป็นปู กุ้ง ปลาหมึก หอยเอามาทำกินเอง โชคดีรีสอร์ทเป็นแบบติดทะเลและมีเตาปิ้งอยู่หน้าห้อง ขอถ่านกับเตาไฟจากที่พัก จงอินก่อกองไฟไม่นาน รอให้คยองซูเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาก็ย่างอาหารทะเลกัน ซื้อน้ำจิ้มซีฟู้ดจากร้านอาหารระหว่างทางมาสักหน่อย พอกุ้งเผาเริ่มสุก คยองซูเป็นคนแกะป้อนให้จงอินซึ่งเป็นคนย่าง เท่านี้พวกเขาก็รู้สึกมีความสุขกันมากๆ แล้ว

มีอาหารทะเลย่างมันไม่พอ จงอินจึงสั่งไวน์แดงมาสองขวด แกะกุ้งไปก็ชนแก้วกันไป เสืออย่างเขาไม่เคยเมาง่ายอยู่แล้ว แต่ก็ทึ่งกับคนรักไม่น้อย คยองซูที่ซัดไวน์แดงพอๆ กับเขาไปเกือบขวด คงจะคอแข็งจริงอย่างที่ไอ้หมอฮุนว่า หน้าไม่แดงแถมยังดื่มได้เรื่อยๆ อย่างกับน้ำเปล่า สงสัยว่าถ้าแต่งกันไปต้องมีห้องเก็บไวน์ใต้ดินแล้วล่ะอย่างนี้

กินอาหารกันจนอิ่มก็นั่งกินไวน์ตรงระเบียงต่อ บรรยากาศริมทะเลอย่างที่คาดไว้เลย ลมทะเลพัดเอาความเย็นจนต้องเอาผ้ามาคลุมกันลมหน่อย แม้แอลกอฮอล์ในเลือดจะทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่มันก็ไม่พอหรอกถ้าจงอินจะเล่นมุกเสียอย่าง

คนพี่ดึงคนน้องที่ห่มผ้าคลุมมาแนบตัวแล้วจากนั้นก็กอดไว้หลวมๆ คยองซูไม่ขัดขืนเขาแม้แต่น้อยแถมยังซบลงไหล่พาใจสั่นด้วย จงอินยกแก้วไวน์มาจิบอีกครั้ง มันน่าจะถึงเวลาสมควรสำหรับพวกเขาแล้ว

“คยองซู”
“อื้ม” เสียงตอบรับค่อนข้างงัวเงีย แสดงว่าที่คยองซูซบไหล่เขาคือเริ่มง่วงแล้วแน่ๆ

จงอินก้มหน้าลงไปมองคยองซูจากด้านข้าง ดวงตากลมโตที่เคยเป็นประกายเริ่มปิดลงนิดนึงจริงๆ เห็นแล้วเอ็นดูจนอยากจะพาไปนอน แต่ไม่ได้หรอก นอนเฉยๆ ได้ยังไงในเมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว

“รักพี่มั้ยครับ” ถามเบาๆ แต่ขยับตัวเล็กน้อยกระตุ้นให้น้องตื่นมาตอบก่อน
“อื้อ”
“ตอบว่ารักหรือไม่รักได้รึเปล่า”
“ทำไมมาถามตอนนี้ล่ะ”
“ก็อยากรู้”

เพื่อสร้างบรรยากาศจงอินถึงกับยกตัวคยองซูภายใต้ผ้าคลุมขึ้นมานั่งบนตักเขา ตามองตา หัวใจเต้นตึกตัก เขาสังเกตว่าหูคยองซูแดงขึ้นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะฤทธิ์เหล้าแน่ๆ เขินเขาสินะ หึ จงอินจะให้น้องเขินจนตัวบิดไปเลย

“บอกพี่หน่อยสิครับ” พูดพลาง ยกมือข้างหนึ่งเชยคางน้องไปด้วย
“อื้อ รัก”
“รักมากรึเปล่า?”
“ทำไมวันนี้ถามมากจัง”
“ตอบพี่หน่อยสิครับ” จงอินส่งสายตาอ้อนวอน “นะครับ”
“อืม รักมาก”

จบคำบอกรักจงอินก็ไม่ทนแล้ว เมื่อยกคยองซูมานั่งบนตักแล้วปากน้องก็อยู่ในระดับเดียวกับปากเขาพอดี จึงเข้าบดเบียดก่อนน้องจะปฏิเสธ มือใหญ่ข้างหนึ่งประคองเอวเล็กไว้ไม่ให้หล่นจากตักเขา ส่วนอีกข้างก็เอาประคองท้ายทอยน้อยให้รับกับจูบร้อนรสไวน์แดงที่เขาตั้งใจมอบเพื่อมึนเมาอีกฝ่ายอย่างหนำใจ

จงอินลิงโลดเมื่อคยองซูจูบตอบ ปากรูปหัวใจดูไม่ค่อยประสากับการตอบโต้มากนักแต่ก็พยายามจนรู้สึกได้ ลิ้นที่รออยู่แล้วจึงคอยหาจังหวะเมื่อน้องอ้าปากเข้าไปสอดแทรกสอนความหวานของรสจูบให้เลยทันที เขาได้ยินเสียงครางอ่อนจากลำคอคนรัก มือข้างที่จัดเอวไว้ก็ช่วยสานต่อ ลดระดับจากเอวไปบีบคลึงบั้นท้าย ตอนนี้มือของคยองซูกอดคอเขาไว้เพื่อกันตก เลยไม่ได้มาปัดมือข้างนั้นออกละมั้ง แต่ถ้าคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยก็จะคิดว่าน้องมีใจอยากให้บีบก็แล้วกัน

จูบแล้วจูบเล่าเล่นเอาเสียงครางอืออาดังขึ้นเรื่อยๆ จงอินว่าเขาก็เป็นนักปลุกปั้นชั้นยอดเลยล่ะ ประสบการณ์หิ้วสาวนับครั้งไม่ถ้วนของเสี่ยปาร์คและเสี่ยจงอินคือของจริง ชานยอลชอบบอกว่าลีลาตัวเองดีสุด แต่ถ้าจะให้แข่งกันล่ะก็จงอินก็ไม่เป็นรองใครเหมือนกัน

เดาว่าตอนนี้แม้อยากปฏิเสธก็คงทำไม่ลงแล้ว เมื่อจงอินประเคนจูบให้คยองซูจนอีกฝ่ายไม่มีเวลาแม้เอ่ยปากร้องขออากาศ มือขวาจากบีบบั้นท้ายเร้าอารมณ์ก็กลายเป็นลากไปมาด้านหน้ากางเกงให้เสียวเล่น ตรงนั้นของคยองซูเริ่มนูนขึ้นมาแล้ว แบบนี้ถ้าเขาขออะไรก็ต้องได้แน่นอน

“คยองซู”
“อื้อ” อีกฝ่ายเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ตอนนี้คยองซูกำลังซบลงกับอกของเขาอยู่ สงสัยกำลังเมารสจูบ
“คืนนี้เรานอนด้วยกันดีมั้ย”
“...”
“เป็นของพี่นะครับคนดี”
“จะไม่เร็วไปหรือ”

เฮ้อ คยองซูนะคยองซู เขามอบจูบวาบหวิวจนของขึ้นแบบนี้ยังจะคิดหน้าคิดหลังอีก ถ้าไม่ติดว่ามีผ้าห่มคลุมอยู่ ท่านั่งของพวกเขาก็หมิ่นเหม่จะมีอะไรกันอยู่แล้ว

“ไม่เร็วไปหรอก เนี่ย เราช้าสุดแล้วนะ พวกนั้นจะมีลูกกันหมดแล้ว”
“แต่...”
“ไม่แต่แล้วนะ อีกไม่นานพี่จะไปขอให้พ่อแม่ไปสู่ขอคยองจากพ่อหมอฮุน คืนนี้พี่ขอก่อนนะ”
“...”
“นะครับ”

คำว่านะครับของจงอินคราวนี้แฝงด้วยคำเว้าวอนรวมถึงนัยน์ตาเศร้าที่เขาส่งไปให้อีกฝ่ายด้วย คยองซูจึงพยักหน้าเบาๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ จงอินลิงโลดในใจแต่เก็บอาการไว้ จากนั้นก็อุ้มน้องเข้าไปในห้องนอนทันที

อย่างที่บอกว่าส่วนกลางตัวของคยองซูมันตื่นหลังจากเขาส่งจูบไปเร่งเร้าตั้งนานแล้ว เมื่อวางน้องลงเตียง จงอินก็ไม่รอท่า ถอดกางเกงปรนเปรอส่วนนั้นทันที แม้ว่าน้องจะปัดป้องบอกว่าเขินอายแต่เขาก็ไม่สนใจ อ้าปากเข้างับหนึ่งทีให้เสียวไปถึงสันหลัง ขาเล็กอ้างออย่างทนไม่ได้ มือน้อยข้างหนึ่งก็จับเข้ากับหมอนเพื่อบีบขยำลดความเสียวซ่าน ส่วนอีกมือก็จับลงที่นอนด้านข้างเพื่อระบายอารมณ์จากปากใหญ่

จงอินค่อยๆ โลมเลียส่วนกระสันจากนั้นก็อมครอบส่วนนั้นไว้ แล้วรูดขึ้นลงอย่างชำนาญ เอาจริงเขาก็ไม่เคยทำให้ใครหรอกเพราะทุกทีจะหิ้วสาวออกผับ แต่สังเกตจากสาวๆ พวกนั้นก็ทำให้เขาแบบนี้ก็คาดเดาไม่ยากว่าคนรักจะต้องชอบเหมือนกัน

ปรนเปรอความสุขให้น้องไปไม่นาน ก็ได้ยินเสียงครางขาดห้วง จากนั้นน้ำขุ่นจางเกือบใสก็กระฉูดออกมาจนเลอะหน้าท้องขาว นี่คงจะเรียกว่าพร้อมแล้วเพราะร่างเล็กเริ่มหอบฮั่ก จงอินรีบลุกไปเอาเจลที่เตรียมไว้บีบใส่มือมาหนึ่งพรืดใหญ่ จากนั้นก็กลับมาหาร่างขาวบนเตียง ถอดเสื้อผ้าตัวเอง ถอดเสื้อให้น้อง แล้วจากนั้นก็เอาเจลส่วนหนึ่งใส่กลางตัว อีกส่วนใส่ลงไปยังช่องทางตรงนั้น

“อ๊า เจ็บ” เสียงร้องขึ้นมาแทนเสียงครางทันทีเมื่อจงอินเอามือล้วงเข้าช่องทางนั้น ท่าทางว่าเขาจะเป็นคนเปิดบริสุทธิ์น้องคนแรกสินะ ไม่อย่างนั้นแค่นิ้วเดียวคงไม่ร้องเสียงหลงขนาดนี้

จูบปลอบตั้งแต่ศีรษะค่อยไล่เรียงลงถึงหน้าอกเล็กก็เลยต้องทำไปพร้อมๆ กับยัดนิ้วขยายช่องทางด้วย หลังจากเขาพรมจูบไปทั่ว พอนิ้วที่สามเริ่มสอดแทรกเข้าไป คยองซูก็เปลี่ยนจากร้องเพราะเจ็บกลายเป็นร้องเพราะความเสียวซ่านแทนแล้ว

ไม่เสียทีที่จงอินประสบการณ์สูง แม้จะมีเสียงร้องเพราะเจ็บจากการการใช้นิ้วแต่เมื่อของจริงมาจ่อตรงหน้าประตูสวรรค์ คยองซูก็ไม่ได้ร้องเสียงดังแบบตอนแรกแล้ว เดาเอาว่าน้องยังเจ็บแต่เพราะมือของเขากำลังช่วยเอาไว้ด้วยต่างหาก มือข้างหนึ่งจับตรงยอดอกอีกฝ่ายไว้ไม่ให้เสียอารมณ์ ส่วนอีกข้างก็บีบคลึงบั้นท้ายส่งความเสียวซ่านไม่ให้หลุด

เริ่มสอดเข้าไปแล้วก็ดันเข้าดันออกจนกระทั่งสุดท้ายดันเข้าไปได้จนสุด ถึงตอนนี้แม้จะมีเสียงครางใต้ร่างจงอินดังมาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่ครางเพราะเจ็บอีกแล้ว เขายิ้มมุมปากทีหนึ่งจากนั้นก็ก้มลงกระซิบข้างใบหูน้องด้วยเสียงแหบพร่า

“พี่จะขยับแล้วนะครับ”
“อื้อ”

จบคำตอบรับจงอินก็ขยับแบบลืมตายไปเลย ช่องทางของคยองซูมันตอบรับกับร่างกายของเขาสุดๆ ราวกับเกิดมาเพื่อสอดประสานกันแบบนี้ แม้ว่าตอนนี้กำลังเป็นท่าเริ่มต้นอย่างน้องอยู่ล่างพี่อยู่บนอย่างมาตรฐานทั่วไป แต่ในสมองเขามันคิดไปถึงท่าสองท่าสามไปแล้ว อยากทำกับคยองซูไปจนถึงเช้าเลย

กระแทกกระทั้นใส่กันและกันไปหลายทีจนเหนื่อย ระหว่างนี้คยองซูพ่นน้ำรักออกมาอีกรอบแต่จงอินกลับยังไม่ถึงฝัน คงเพราะเขานั้นฝืนตัวเองไว้เยอะเหมือนกัน กับคนอื่นจงอินจะรุนแรงกว่านี้ หื่นกว่านี้ แต่เพราะนี่คือคนรัก จะทำแรงยังไงก็ยังถนอมฝืนไว้นิดหน่อยไม่อยากให้น้องเจ็บ

“พี่จงอิน” แต่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะปล่อยตัวเองได้ ก็มีเสียงน้องขึ้นมาถาม
“หืม?”
“เปลี่ยนท่ากันมั้ย”

หา? อะไรนะ พูดจบแล้วคยองซูพลิกตัวขึ้นมาเฉย เล่นเอาจงอินตามแทบไม่ทัน ตอนนี้เขาเลยกลายเป็นฝ่ายอยู่ล่าง แล้วน้องอยู่บนเสียอย่างนั้น แต่ว่าตรงส่วนเชื่อมกันมันยังอยู่ พอน้องขยับนิดหน่อย จงอินก็รู้เลยว่าแบบนี้มันดีกว่าตรงไหน

“อื้อ แบบนี้ อา... โอเคขึ้นไหม” หลังจากปรับท่าแล้วขยับกันนิดหน่อย คยองซูก็เซอร์ไพรส์เขาด้วยการกระแทกก้นตัวเองลงกับหน้าขาจงอินทันที คนพี่ถึงกับทนไม่ไหว ต้องซี้ดปากด้วยว่าความเสียวซ่านมันขึ้นมามากกว่าเมื่อกี้มากๆ

“อ่าส์ ดีมาก คยอง ดีมาก ดีมาก” หลังจากได้ยินคำว่าดีมากออกจากปากคนรัก คยองซูก็เริ่มกระแทกกระทั้นลงไปอย่างไม่ยั้งเลย จงอินถึงกับพูดดีมากๆ ติดกันอีกหลายหน ทำไมแฟนเขาถึงได้ซี้ดอย่างนี้เนี่ย

ใส่จังหวะเข้าหากันไม่กี่ครั้ง คราวนี้เจ้าของชื่อทีมน้ำยาดีไม่ต้องโฆษณาก็ได้ทำตามปณิธานกลุ่มเสียที น้ำยาดีๆ ชื่อจงอินน้อยพากันไหลพรั่งพรูเข้าไปตั้งรกรากเป็นสาย บางส่วนถึงกับซึมออกมาจากช่องทางเล็กๆ ของคยองซูด้วยซ้ำ

ร่างเล็กบนหน้าขาจงอินก็สั่นเบาๆ จากนั้นก็พ่นน้ำรักออกมาเป็นรอบที่สามเหมือนกัน ดูเหมือนคยองซูจะเหนื่อยมากเพราะทันทีที่เสร็จ อกเล็กก็ลงมานาบท่อนอกขนาดใหญ่ของจงอินแบบไม่ทันตั้งตัว จงอินจึงลูบศีรษะน้องเบาๆ กระซิบบอกว่าทำดีมาก เขากำลังจะจูบกระหม่อมน้องอีกครั้ง เตรียมตัวบอกฝันดีเพราะคิดว่าน้องจะหลับหลังจากเสร็จกิจกรรมแห่งรัก แต่ว่านะ บางทีเขาก็คิดเร็วไปมั้ง

“อีกรอบมั้ย?” คำถามที่ไม่น่าออกจากปากคยองซูผู้ได้ชื่อมึนๆ อึนๆ ทำเอาจงอินอ้าปากหวอ ถ้ามีแมลงวันสักตัวในห้องนั้นคงบินเข้าปากเขาไปแล้ว
“อีกรอบหรือครับ? คยองไม่เหนื่อยเหรอ?” ถามเบาๆ แต่ใจสั่นไม่ใช่เล่น เดี๋ยวนะ ใครกันที่บอกตอนแรกว่านี่มันเร็วไป เขายังไม่ทันจะพัก ก็จะต่อแล้วเหรอ
“ไม่ได้เหรอ” จบคำอ้อนแล้วน้องก็ขยับบั้นท้ายเป็นการท้ารบ ไอ้นั่นของจงอินจากที่หดเพราะเสร็จไปหนึ่งรอบ มันก็ขยายขนาดพร้อมสู้ใหม่

เอาไงล่ะทีนี้ จงอินไม่ทันคิดเลยจริงๆ คือเมื่อเช้าเขายังมึนจากเหล้าเลยคิดว่าจะพักสักหน่อย กลับคาดไม่ถึงว่าโดนกดดันจากไอ้พวกหัวหมอจนต้องรับสารท้ารบมาสู้กับน้องคยองซูไปหนึ่งรอบ ปล่อยน้ำเชื้อจนหมดก๊อกไปหนึ่งหน เอาจริงเหมือนจะผ่านไปไม่นานแต่บทรักครั้งนี้รวมเล้าโลมก็สามสิบนาทีพอดี เขาขับรถมาเหนื่อย แค่ได้กับน้องก็พอแล้วมั้ย

จะพอได้ยังไงล่ะ ในเมื่อตอนนี้คยองซูไม่ได้คำตอบจากเขา ก็กลายเป็นว่าเอาก้นมาบดเบียดเจ้าโลกของจงอินอยู่เรื่อยๆ จากเริ่มขยายขนาด ตอนนี้มันก็คับพองจนอยากบอกว่าไม่ปล่อยอีกรอบคงนอนไม่ได้แล้ว

เอาวะ เอาไงเอากัน

จงอินไม่ตอบด้วยคำพูดแต่ตอบด้วยจูบแทน ตอนนี้หน้าของคยองซูห่างเขาเพียงคืบ ปากรูปหัวใจก็เบะออกคล้ายกำลังอยากถูกตามใจจึงจุ๊บลงไปหนึ่งทีจากนั้นก็เริ่มต่อด้วยความเร่าร้อน แล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อคราวนี้การจูบตอบของคยองซูเริ่มจะมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นแล้ว ด้านบนจูบไปด้านล่างก็ค่อยๆ กระแทกกระทั้นกันไป อ่าส์ จงอินว่ามีหวังน้องได้ท้องตามเพื่อนไปติดๆ แน่ สงสัยต้องบอกคุณหญิงแม่ว่าบ้านที่จะปลูกเป็นเรือนหอต้องเร่งสร้างให้เสร็จในหนึ่งเดือนแล้ว


สองรอบ... สามรอบ... สี่รอบ... จากนั้นก็ไม่นับแล้วว่าเท่าไหร่ รู้อีกทีก็ฟ้าเหลือง อ้าว เช้าพอดี หมดแรงอาหารทะเลปิ้งย่างและไวน์ น้ำยาจงอินก็หมดคลังเลยด้วย


สงสัยว่าจะต้องนอนพักบนเกาะไปอีกวันนึงเพราะจงอินขับรถไม่ไหวแล้ว แต่ถึงจะเพลียอย่างไรหัวใจก็เป็นสุข เขาจูบกระหม่อมคนรักไปหนึ่งครั้ง จากนั้นก็หลับไปอีกรอบ พรุ่งนี้ละกันค่อยรายงานผลกับไอ้พวกหัวหมอ


หวังว่าสะโพกจะไม่เคล็ดเกินไปจนทำให้พวกนั้นเห็นน่ะนะ


...
ติดตามต่อในจอย #คยองซูคนมึน ep.23 จ้ะ
By noeybaekbd



Monday, November 13, 2017

ส่วนขยาย คยองซูคนมึน ep.18 ฉากงานแต่งชานแบคและฉากง้อเหมียว



เซฮุนยอมรับว่าเขาความรู้สึกช้า แต่เขาจะไม่ยอมช้าอีกต่อไปแล้ว

ร่างสูงนั่งรอคนรักตรงโซฟาแล้วก็รู้สึกว่าไม่ค่อยดี เลยเข้าไปในครัวแล้วถามจุ๋มว่าต้องทำอะไรบ้าง เขาจะได้ช่วย แต่กลายเป็นว่าจุ๋มตีมือดังเพี๊ยะ จากนั้นก็ดุว่าเขาทำกับข้าวไม่เป็น ไปนั่งรออย่างเดียวเลย หมั่นเขี้ยวคนรักจึงดึงแก้มจุ๋มหนึ่งครั้ง จากนั้นก็หอมแก้มทั้งสองข้างดังฟอดใหญ่ โดนตีไหล่อีกหนึ่งที จากนั้นเซฮุนก็ยอมไปนั่งโซฟา กดดูทีวีไปเรื่อยๆ อย่างอารมณ์ดี

เขากับจุ๋มรู้จักกันตอนไปเรียนที่อเมริกา ตอนนั้นเซฮุนเรียนแพทย์แต่จุ๋มเรียนบริหาร เด็กนักเรียนนอกอย่างพวกเขาแม้ไม่ได้เรียนสาขาเดียวกันแต่ขอแค่มหาวิทยาลัยเดียวกันก็รู้จักกันทั่วแล้ว เขากับจุ๋มจึงตกลงแชร์ห้องด้วยกัน เขาคิดกับจุ๋มแค่เพื่อนจริงๆ แถมยังทำตัวเป็นเพลย์บอยลากสาวฝรั่งมานอนด้วยไม่ซ้ำหน้า นึกไม่ถึงว่าจุ๋มชอบเขามาตั้งแต่ตอนนั้นแต่ไม่แสดงออก ไม่น่าหัวช้าเรื่องนี้เลยจริงๆ

อันที่จริงจะว่าหัวช้าก็ไม่ได้ ใครให้เขาชอบคยองซูก่อนล่ะ น้องหน้าตาน่ารัก นิสัยก็ดีมากๆ อยู่ด้วยกันทุกวันจะไม่ให้เขาชอบยังไงไหว เสียแต่เพราะยังเด็กเลยแสดงออกมากไปจนพ่อรู้เข้า ตัวเองโดนถีบมาเมืองนอกไม่พอ ยังได้ยินข่าวจากไอ้เจว่าน้องโดนไล่ออกบ้านอีก

จริงๆ เซฮุนรีบบินกลับบ้านตั้งแต่รู้ข่าวว่าคยองซูโดนไล่ออกจากบ้านแล้ว เขาทะเลาะกับพ่ออย่างหนักอีกครั้งแต่แม่ก็เข้ามาห้ามไว้ พร้อมบอกว่าถ้าเขาทำตัวดีๆ เรียนให้จบกลับมารับธุรกิจโรงพยาบาลที่บ้าน จะยอมส่งเสียคยองซูจนจบแถมให้ทุนไว้ทำมาหากินเมื่อเรียนจบด้วย

เซฮุนเลือกไม่ได้ เขาเป็นแค่ลูกคนรวยที่ยังหาเงินไม่ได้สักแอะ จึงได้แค่ยอมพ่อตัวเองไป ก่อนจะกลับไปเรียนเซฮุนยังได้แวะไปดูคยองซูแว่บหนึ่ง เขาไว้ใจพ่อตัวเองเรื่องส่งเสียเรียนได้ แต่เรื่องอย่างอื่นต้องขอร้องแม่ ดีที่แม่ของเขาเองก็รัก คยองซูเหมือนลูกจริงๆ เซฮุนจึงได้แต่วางใจแม่ตัวเองแล้วบินไปเรียนต่อให้จบ แต่จริงๆ แล้วก็ยังห่วงคยองซูไม่น้อย

ตอนนั้นด้วยความวัยรุ่นเมืองนอกทั่วไป พอว่างก็หิ้วสาวเข้าห้องบ้าง เที่ยวนู่นนี่บ้าง ไม่ได้สังเกตเลยว่ารูมเมทอย่างจุ๋มคิดยังไงกับเขา จุ๋มค่อนข้างเงียบและขยันเรียนจึงไม่ค่อยได้คุยกันเรื่องอื่น จะมีก็แต่ทำกับข้าวให้เซฮุนกินบ่อยๆ เท่านั้น ถ้าตอนนั้นเขาตัดใจจากคยองซูได้และลองสังเกตจุ๋มดีๆ อาจจะมองเห็นก็ได้ว่าเพื่อนคนนี้ไม่ใช่คิดกับเขาแค่เพื่อน

หลังจากเรียนจบเฉพาะทางแล้วเซฮุนก็ยังติดต่อจุ๋มเสมอ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเคยชินกับการคิดถึงจุ๋มก่อนตลอด จำได้ว่าช่วงที่น้องแบคบังคับให้เขาคบด้วย พอมีเรื่องอะไรก็จะวิ่งไปหาจุ๋มที่ผับตลอด แม้วันไหนจุ๋มไม่ได้เฝ้าผับ เซฮุนยังวิ่งแจ้นไปหาถึงบ้าน รับไปกินข้าวด้วยซ้ำ เขานึกว่าตัวเองเคยชินกับการมีจุ๋ม แต่ไม่รู้ตัวเลยว่าชอบจุ๋มมากกว่าคนอื่นตั้งนานแล้ว

เฮ้อ... เซฮุนถอนหายใจ ไม่คิดเรื่องเก่าๆ แล้วดีกว่า เขารู้ตัวช้าแล้วไง ตอนนี้ก็รู้แล้วมั้ยล่ะ

คิดอะไรไปเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกพอดี จุ๋มทำกับข้าวเสร็จแล้วและเรียกเขาไปกินข้าว เซฮุนว่าเขาจะรีบกินข้าวไวๆ หน่อย จากนั้นเขาจะกินจุ๋มบ้าง

ว่าแล้วก็เดินไปหอมแก้มคนรักสักทีจนโดนค้อนใส่ว่าไม่กินข้าวแล้วรึไงเล่า เซฮุนจึงตอบติดตลกว่างั้นไม่กินข้าวแล้วจะกินจุ๋มแทน จึงโดนว่าอีกรอบกลายเป็นคนบ้ากามอีกครั้ง เซฮุนไม่สนล่ะ วันนี้กินข้าวแล้วจะกินจุ๋มต่อ คนรักของเขาน่ารักขนาดนี้ใครจะไปอดใจไหว

แล้วก็จะได้ปั๊มลูกให้ทันคนอื่นด้วย แบคฮยอนนี่เขาไม่แข่งแล้ว แต่ต้องไม่น้อยหน้าไอ้หมอเจเพื่อนรักที่แอบเจาะถุงยางแน่ๆ


...


สี่วันให้หลัง ในที่สุดก็ถึงงานแต่งของชานยอลและแบคฮยอน


แบคฮยอนบอกไม่ถูกว่านี่มันตื่นเต้นหรือว่าแพ้ท้องกันแน่ เอาจริงเขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะแพ้ท้องเพราะได้กลิ่นขนมแรงๆ หรือแพ้เพราะตื่นเต้น เอาเป็นว่าตอนนี้เจ้าสาวกำลังโก่งคออ้วกในห้องน้ำโดยมีชานยอลอยู่ข้างๆ

“ไหวมั้ยที่รัก” หลังจากประคองแบคฮยอนมานั่งแล้วชานยอลก็ถามด้วยความห่วงใย

“อื้อ ไหวสิ ไม่ไหวได้เหรอ” แบคฮยอนพยักหน้า ดมยาดมแล้วก็ตอบมาเสียงเบาๆ

วันนี้น่ะ นอกจากงานแต่งของพวกเขาแล้วยังเป็นวันที่นัดแนะไว้กับพี่หมอเจด้วย น่าสงสารนายแพทย์หนุ่มคนนี้มากๆ แบคฮยอนเองแม้ว่าจะรู้จักกับเหมียวผ่านคยองซูอีกที แต่ระยะเวลาที่คบกันหลายปีก็เหมือนว่าตัวเองจะสนิทกับเหมียวมากกว่าใครแล้ว จะยอมให้เพื่อนต้องงอนแฟนไปอีกนานได้ยังไงกันเล่า

หลังกินยาหอมไปแก้วนึง เจ้าสาวในชุดสูทสีขาวก็เริ่มดีขึ้น หน้าเริ่มมีสีเลือด และที่สำคัญสตรอเบอร์รี่ที่ชานยอลเตรียมไว้ ตอนนี้เขาซัดเกลี้ยงแล้ว พอคิดแล้วก็ตลกตัวเอง ก่อนจะท้องก็ชอบกินสตรอเบอร์รี่อยู่แล้วนะ แต่พอท้องก็ยิ่งชอบกินยิ่งขึ้น ในตู้เย็นบ้านเขานี่มีใส่กล่องไว้เต็มตู้เลย กินเยอะจนชานยอลบอกว่าเห็นสตรอเบอร์รี่ก็จะอ้วกแทนแบคฮยอนแล้ว

ชานยอลกับแบคฮยอนย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันมาได้กว่าสัปดาห์แล้ว เพราะบ้านที่ป๊าของชานยอลยกให้เป็นสินสอดนั้นเป็นคฤหาสน์ซึ่งสร้างไว้นานแล้ว เหมือนว่าป๊าจะเตรียมไว้ให้ลูกๆ ห้าหลัง นับพี่ชายสามคน จุ๋มและชานยอลซึ่งเป็นลูกคนสุดท้องได้พอดี แต่เดิมทีป๊าคิดว่าชานยอลจะแต่งทีหลังเพราะมัวแต่เที่ยวกับปาร์ตี้อยู่ได้ เลยไม่ได้ตกแต่งพร้อมไว้

มาตอนนี้ชานยอลได้แต่งงานไว บ้านหลังนั้นเลยต้องรีบตกแต่งเป็นพิเศษ แต่เพราะบริษัทตกแต่งก็ของบ้านพี่จงอินซึ่งพ่อพี่จงอินเป็นเพื่อนกับป๊าชานยอลพอดี งานตกแต่งเลยเสร็จไว แค่สัปดาห์เดียวก็เนรมิตให้เป็นบ้านที่อบอุ่นได้แล้ว ชานยอลกับแบคฮยอนย้ายเข้าไปอยู่ทันทีเพื่อความสะดวก ซึ่งแบคฮยอนก็หนีบเอาป้าลำไย แม่บ้านของตัวเองเข้าไปอยู่ด้วย

ตอนนี้ได้เวลาอันเหมาะสมแล้ว บรรดาแขกเหรื่อเริ่มทยอยมา แบคฮยอนและชานยอลจึงเดินไปรับแขกหน้างาน คุณแม่ท้องอ่อนๆ อย่างแบคฮยอนแม้เมื่อกี้จะแพ้ท้องหนักมากยังไงก็ตาม พอเห็นว่าเป็นหน้าที่ต้องมารับแขกก็ขยันขันแข็งออกมายืนด้วย ไม่บ่นว่าเหนื่อยสักคำ

หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ฤกษ์ พิธียกน้ำชาและสู่ขอทำไปเมื่อเช้าแล้ว ตอนนี้มีแต่งานเลี้ยงจึงมีการฉายวีดิโอที่ชานยอลกับแบคฮยอนไปถ่ายมาให้แขกดูเพื่ออิจฉาเล่นๆ จากนั้นแขกผู้ใหญ่จึงขึ้นเวทีไปพร้อมกับดื่มแสดงความยินดีให้บ่าวสาวบนเวที แขกบางส่วนเคยไปงานหมั้นของพวกเขาเมื่อสองสัปดาห์ก่อนแล้วจึงรู้ว่าแบคฮยอนกำลังท้อง ก็ไม่วอแวให้เจ้าสาวต้องดื่มมากนัก กลับกันชานยอลโดนคะยั้นคะยอให้ดื่มจนแทบจะเมาแล้ว

แล้วก็ถึงเวลาสำคัญเมื่อพิธีกรบอกว่าเจ้าสาวจะต้องโยนดอกไม้

ชานยอลนัดแนะให้ช่างไฟส่องสปอตไลต์ไปตรงที่หมอเจยืนอยู่เมื่อถึงเวลา ส่วนคยองซูตอนนี้ก็จับมือเหมียวมายืนหน้าเวทีพร้อม มองไปไม่ไกลมีเซฮุนกับจุ๋มปะปนอยู่กับคนที่รอรับดอกไม้เพื่อกันท่าคนอื่น ส่วนพระเอกตอนนี้คือหมอเจยืนอยู่อย่างสงบกลางวงล้อมของสาวๆ และหนุ่มบางคนที่อยากเสี่ยงโชค

แบคฮยอนไม่ใช่นักแม่นปืนที่คิดว่าจะโยนดอกไม้ไปถึงพี่หมอเจตรงๆ แต่ก็ค่อนข้างไว้ใจว่าดอกไม้จะไปตรงคนที่ต้องการแน่นอนเพราะเซฮุนกับจุ๋มมาช่วยกันท่าคนอื่นไม่พอ เขายังให้การ์ดบางคนแอบไปยืนข้างๆ หมอเจด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าช่อดอกไม้จะไม่ต่อไปหาคนอื่นจริงๆ

“เอ้า ถึงเวลาแล้วครับ เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้ในมือลงไปเลย”

พิธีกรให้สัญญาณแล้วแบคฮยอนก็แกล้งโยนหลอกๆ ไปครั้งหนึ่ง จากนั้นครั้งที่สองกะระยะแม่นๆ หน่อย สักครู่ก็เห็นว่าช่อดอกไม้ตกลงไปในมือของพี่หมอเจเป๊ะๆ ทำเอาอดคิดไม่ได้ว่านี่มันเป็นสัญญาณที่ดีมั้ยนะ ว่าคู่เจเหมียวจะได้แต่งคู่ต่อไปจริงๆ

“โอ้โห คนที่ได้ช่อดอกไม้เป็นสุภาพบุรุษซะงั้นนะครับ ขอเชิญขึ้นมาบนเวทีเลย”

พิธีกรกล่าวแซ็วแล้วก็เรียกพี่หมอเจขึ้นมาบนเวที แสงไฟสปอตไลท์ส่องไปยังเป้าหมายได้ดี แบคฮยอนก็มองหาเป้าหมายอีกรายด้วย ตอนนี้คยองซูจับเหมียวให้ยืนหน้าเวทีแบบไม่มีใครบังสักคน นี่เป็นจุดมาร์กที่พวกเขาซ้อมไว้ ทำได้ดีมากจริงๆ

“ทำไมคุณถึงมารอรับช่อดอกไม้ล่ะครับ” พิธีกรยื่นไมค์ถาม

“จริงๆ แล้วผมอยากมอบช่อดอกไม้ให้ใครคนหนึ่งครับ” พี่หมอเจก็ตอบรับคำถามตามบทพูดที่โทรมาคุยกับแบคฮยอนทันที

“อ้าว แล้วคนนั้นคือใครกันล่ะครับ?”

“คนนี้ครับ ที่ยืนอยู่หน้าเวที” หมอเจตอบพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ไปข้างหน้า

“ผมขอมอบช่อดอกไม้นี้ให้คุณนะเหมียว”

เสียงปรบมือดังลั่นทั้งจากหน้าม้าและผู้ร่วมงานทั่วไปเมื่อสปอตไลท์ส่องลงไปยังเหมียวในชุดสูทสีครีมธีมเพื่อนเจ้าสาว โดยมีคยองซูซึ่งอยู่ในชุดสูทสีเดียวกันจับมือเอาไว้ไม่ยอมให้หลบไปไหน แน่นอนว่าตอนนี้เหมียวหน้าแดงไปหมดแล้ว

สปอตไลท์ส่องไปที่ทั้งคู่ หมอเจเดินไปข้างหน้า แล้วก็ยื่นดอกไม้ออกไปจนเกือบถึงมือคนหน้าเวที พร้อมกับเอ่ยถ้อยคำที่มาจากใจจริง

“ยกโทษให้ผมนะครับ”

จบคำ เสียงปรบมือก็ดังเกรียวกราวอีกครั้ง บางคนยังผิวปากแซ็วอีกด้วย หากแต่เหมียวกลับไม่ยื่นมือมารับช่อดอกไม้ซักนิด แถมยังเบือนหน้าไปทางอื่นด้วย

“คิดว่าเล่นใหญ่แบบนี้จะยกโทษให้เหรอ?” จู่ๆ ก็ถามออกมานอกบทแบบนี้เล่นเอาหมอเจอึ้งจนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

“ผมทำผิดมากหรือครับ” แต่ก็ถามออกมาได้น่าเห็นใจทีเดียว

“ผิดมากสิ เห็นเหมียวเป็นอะไร คิดจะหลอกใช้ก็ทำ คิดจะง้อก็เล่นใหญ่เบอร์นี้ คิดว่าเหมียวไม่กล้าปฏิเสธเหรอ?”

คำตอบเล่นเอาหมอเจอึ้งไปอีกรอบ ท่ามกลางเสียงกระซิบของคนมุงผู้ไม่รู้เรื่องราว บางคนก็เห็นด้วยกับเหมียวว่าถูกหลอกใช้แล้วคิดจะง้อกันแบบนี้มันก็มัดมือชกไปหน่อย

“แต่ผมรักคุณนะครับ แต่งงานกันนะ”

หมอเจผู้ไม่รู้ทำอย่างไรจึงได้แต่บอกจุดประสงค์ของการง้อวันนี้ไปดื้อๆ เลย

เสียงปรบมือเกรียวกราวดังขึ้นอีกครั้ง แขกเหรื่อต่างก็เห็นด้วยกับการขอแต่งงานนี้ จะโกรธกันขนาดไหนก็ต้องใจอ่อนมั้ยล่ะ อีกฝ่ายลงทุนไปรับช่อดอกไม้เจ้าสาวซึ่งเชื่อกันว่าใครได้ไปจะได้แต่งต่อ จากนั้นก็ขอแต่งงานกับคนรักเอาดื้อๆ งี้เลย บางคนถึงกับผิวปากยอมรับความใจเด็ดของหมอเจด้วย

“ไม่”

แต่คำตอบของเหมียวกลับทำให้ทุกคนบ่นเป็นเสียงเดียว “อ้าว!” ออกมาถ้วนหน้า

จากนั้นเหมียวก็ออกแรงสะบัดมือออกจากคยองซูที่กำลังอึ้ง วิ่งหนีออกไปจากห้องบอลรูมเอาดื้อๆ เลย ท่ามกลางความอึ้งของทุกคนตั้งแต่บ่าวสาวยันแขกเหรื่อที่พากันผิวปากแซ็วเมื่อครู่

ตุบ!

เสียงดังเหมือนอะไรบางอย่างหล่น

ทุกคนยังไม่ทันหายตกใจกับการวิ่งหนีไปของเหมียว พอหันไปบนเวที ก็พบว่าหมอเจซึ่งหน้าซีดเมื่อกี้ ล้มลงไปกับพื้นเสียแล้ว


...


“ไม่เอานะ อย่าเป็นอะไรนะคุณเจ เหมียวรักคุณ ได้ยินมั้ย”

เหมียวตกใจมาก จนลนลานทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้เขายังโกรธคุณเจมากจริงๆ จึงได้ปฏิเสธการขอแต่งงานและหนีไป แต่พอไปถึงหน้าห้องบอลรูมก็ได้ยินคนตะโกนว่าคนที่ได้ช่อดอกไม้เมื่อกี้เป็นลมลงไปแล้ว ใจก็หล่นไปอยู่ตาตุ่ม วิ่งกลับมาในงานมาดูใจคนรักจนเกือบสะดุดล้ม

โชคดีที่หมอฮุนอยู่ไม่ไกลเลยวิ่งมาดูอาการเพื่อนทันที เขารีบบอกให้การ์ดอุ้มเพื่อนไปยังห้องข้างๆ จากนั้นก็วิ่งไปปฐมพยาบาลเบื้องต้น ดูอาการไปก็โทรเรียกรถพยาบาลไปด้วย

ตอนนี้เหมียวเลยได้มาอยู่ในรถพยาบาล มือทั้งสองกุมมือคนรักเอาไว้ จากนั้นก็ร้องไห้ไปด้วยบอกรักไปด้วยแบบนี้

รถพยาบาลจอดหน้าห้องฉุกเฉินในเวลาไม่นาน เซฮุนซึ่งบึ่งรถตัวเองมาจากงานแต่งก็มาถึงพอดี รีบพาเพื่อนเข้าไปเช็กอาการโดยปล่อยให้เหมียวนั่งรอหน้าห้องโดยมีคยองซูปลอบอยู่ข้างๆ

ไม่เกินอึดใจเซฮุนก็ออกจากห้องฉุกเฉินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับบอกว่าหมอเจฟื้นแล้ว

ที่แท้เป็นเพราะว่าหมอเจทำงานหนัก เหนื่อย เครียดไปหน่อยจึงไม่ค่อยได้กินข้าวและพักผ่อนนั่นเอง ยิ่งตอนรอรับช่อดอกไม้ต้องอยู่ท่ามกลางฝูงคนอากาศหายใจไม่ค่อยจะมีก็เลยความดันตก แถมช็อกเพราะเหมียวไม่ยอมตอบรับเลยเป็นลมไปก็เท่านั้น

“แล้วมาทำให้เป็นห่วงทำไมเนี่ย”

หลังจากย้ายหมอเจออกจากห้องฉุกเฉินเพื่อนอนพักและให้น้ำเกลือ เหมียวก็โวยวายใส่คนไข้ทันที ทุบเบาๆ ลงหน้าอกคนรักก่อนจะร้องไห้อีกรอบ

“เหมียวเป็นห่วงแทบตายแน่ะ ไม่เอาแล้วนะอย่างนี้”

ตัดพ้อเบาๆ แล้วก็ซบลงอกคนรักอย่างอ่อนแรง


...


เจษฎายกมือมาลูบหัวน้องเหมียวเบาๆ เพื่อปลอบโยน

เขาจะรู้ได้ยังไงเล่า ว่าตัวเองจะอ่อนแออะไรเบอร์นี้ จริงอยู่ว่าช่วงนี้รับงานไว้หนักมาก มีทั้งเคสคนไข้ที่เซฮุนฝากไว้ก่อนมันจะไปลั้ลลาที่มัลดีฟส์ตั้งหนึ่งสัปดาห์ และเคสคนไข้ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าต้องการหมอเจษฎาเท่านั้นยังเยอะจนต้องรันคิวไม่หวาดไม่ไหว แถมทุกๆ เย็น เขายังต้องไปง้อเหมียวที่บ้านอีก ไปแล้วก็ไม่ได้เจอคนรักมันเศร้าจะตาย ก็ไม่วายแอบดื่มนิดหน่อยจนนอนดึกและเพลียขนาดนี้

แต่ก็ดีแฮะ ตอนแรกนึกว่าจะแห้วซะอีก แม้จะขอเหมียวแต่งงานตามแผนไม่ได้ แต่ตอนนี้เหมียวกลับมานั่งซบอกเขาอยู่ตรงนี้ ก็ถือว่าอีกฝ่ายยกโทษให้เขาแล้วมั้ยล่ะ อันที่จริงก็ไม่เข้าใจเลย โกรธอะไรนักหนากันเนี่ย ถึงได้โกรธนาน ง้อกลางงานก็แล้ว ขอแต่งงานก็แล้ว ยังไม่ยอมยกโทษให้อีก ต้องให้เขาเป็นลมต่อหน้าถึงจะยอมลดราวาศอกให้

สงสารก็แต่เจ้าของงานแต่งอย่างชานยอลและแบคฮยอนอุตส่าห์ยกงานแต่งตัวเองให้พวกเขามาเล่นเกมง้อกัน งานนี้ไม่สำเร็จไม่พอ ยังทำให้งานกร่อยเพราะเขาเป็นลมด้วย ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นไงบ้าง

พออยากจะถามใครสักคน เซฮุนก็เข้ามาในห้องพอดี

“มึงไม่ต้องเป็นห่วง พอกูบอกว่ามึงปลอดภัยดี แค่เป็นลมเพราะพิษรัก แต่ตอนนี้หายแล้วเพราะแฟนเฝ้าไม่ห่าง งานแต่งก็ฉลองต่อไปกันแล้ว” คำตอบจากเพื่อนรักเล่นเอาคำสำนึกผิดเมื่อกี้ถูกกลืนลงท้องไปแล้ว

สรุปว่าเขาเป็นห่วงมากไปดิ เหมียวเองก็ห่วงเขามากไปป่าว ถึงได้ซบลงอกเขาแล้วก็ไม่โงหัวขึ้นมาเลยขนาดนี้ เขาคุยกับเซฮุนตั้งนานยังไม่ลุกขึ้นมาเลย

เอ๊ะ?

พอนึกขึ้นได้ก็เลยขอให้เซฮุนช่วยดูหน่อยว่านี่เหมียวหลับคาอกเขารึเปล่า แต่กลายเป็นว่าพอยกตัวน้องขึ้นมาไอ้ฮุนก็ตกใจเพราะน้องแขนขาอ่อน อยู่ๆ ก็เป็นลมซะอย่างนั้น

เฮ้ยยยยย

เจษฎาร้องอย่างตกใจ ก่อนจะช้อนร่างคนรักขึ้นมาอุ้ม ลืมตัวว่ามีน้ำเกลืออยู่จึงกระชากจนเข็มหลุด แต่เขาไม่สนแล้วว่าตัวเองจะเป็นยังไง ตอนนี้พาเหมียวไปตรวจละเอียดก่อนเป็นใช้ได้

อย่าเป็นอะไรไปล่ะน้องเหมียวของหมอเจ



...

จบส่วนขยายจ้ะ ติดตามตอนต่อไปในจอย ep.19 เน้อ
@noeybaekbd