Wednesday, March 18, 2015

On the Runway [chanbaek][NC-17]

[OS] on the runway – chanbaek [EXO] NC-17
For Chanyeol’s Birth day – wish you be happy ^_^


On the Runway


มือเรียวกอดอกข้างหนึ่งส่วนอีกมือเท้าคางมองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี ใบหน้ารูปไข่อมยิ้มจนแก้มป่องยามมองรูปร่างที่เพอร์เฟ็คของนายแบบหนุ่มด้วยความพึงพอใจ ปากสีเชอร์รี่ที่มักจะเชิดขึ้นเสมอเหยียดออกเป็นยิ้มบางๆ ตาที่เล็กอยู่แล้วก็หยีลงเพื่อจ้องมองรูปร่างสมส่วนนั่น พยอนแบคฮยอน ดีไซน์เนอร์น้องใหม่มาแรงกำลังพิจารณานายแบบคนใหม่ที่เขาต้องทำหน้าที่ออกแบบชุดให้เข้ากับนายแบบหนุ่มอย่างพึงพอใจ

ความพึงพอใจมันส่งออกมาอย่างเห็นได้ชัดจน ปาร์คชานยอล ต้องพยายามข่มใจนับหนึ่งถึงร้อย ใบหน้าได้รูปของชายหนุ่มมีเหงื่อออกอย่างเห็นได้ชัดยามรับรู้ถึงสายตาของคนตรงหน้า ปากอิ่มต้องลอบกลืนน้ำลายเมื่อยามแบคฮยอนค่อยๆ ลูบที่ซิกส์แพ็คของเขา ราวกับดีไซน์เนอร์หนุ่มอยากแกล้งเมื่อมือเรียวลูบอย่างจงใจตั้งแต่แผงอกแกร่งไปจนถึงใต้สะดือก็ยังลากต่อจนเกือบชนขอบคาลวินไคลน์ของเขา

มือหนาจึงตะปบเข้าที่มือเรียวซุกซนพร้อมกับกระซิบเสียงพร่า

“อย่าลูบไปถึงตรงนั้นเลยนะครับ มันกำลังอดทนอยู่”

เท่านั้นปากสวยจึงยิ้มแล้วเสียงหัวเราะคิกคักก็ถูกส่งออกมาก่อนคำพูดที่ไม่ค่อยออกจากดีไซน์เนอร์ฉายาปากหนักจะทำให้ชานยอลรู้สึกพอใจไม่น้อย

“ผมชอบหุ่นคุณจัง ถ้าได้ศึกษาอย่างละเอียด คงจะออกแบบชุดได้ดีกว่านี้” ทิ้งท้ายไว้ด้วยคำพูดตรงๆ ที่แฝงความในให้ใจสั่นพร้อมกับเบอร์โทรในกระดาษยัดใส่มือชานยอลก่อนจะขยิบตาอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินออกไปจากห้องวัดตัวโดยไม่เหลียวหลังมาอีก

ปล่อยร่างสูงข่มใจไม่ให้ลูกชายตื่นตัวก่อนจะยิ้มเบาๆ กับเบอร์โทรในมือตัวเอง

“อย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมเลยสินะ” ไม่บ่อยนักที่จะเจอคนถูกใจและอีกฝ่ายก็รู้สึกเหมือนกัน ชานยอลคิดในใจว่าคืนนี้คงต้องยกเลิกนัดกับจื่อเทาที่จะไปผับเจ้าประจำเสียแล้ว

เพราะคืนนี้เขาคงต้องเสียสละร่างกายให้ดีไซน์เนอร์ศึกษาโดยละเอียดเสียก่อน


..............................................................................................................


ร้านอาหารหรูสไตล์ยุโรปนั้นมักจะช่วยให้แบคฮยอนสร้างแรงบันดาลใจสำหรับงานดีไซน์เสื้อผ้าของเขาได้เสมอ เพราะการจิบไวน์รสชาติดีพร้อมกับมองบรรยากาศเมืองหลวงในยามค่ำคืนนั้นช่วยให้เขาโล่งใจอย่างประหลาด

มือเรียวควงแก้วไวน์ไปมาให้ไวน์ได้สัมผัสอากาศภายนอกขวดและกระจายกลิ่นทั่วก่อนจะสูดกลิ่นหอมหวานของเบอร์รี่หมักจนได้เป็นไวน์ราคาสูงแล้วยกดื่มด้วยใจที่อิ่มเอิบ อันที่จริงเวลานัดยังเหลืออีกครึ่งชั่วโมงแต่เขาชอบมาดื่มด่ำกับบรรยากาศชั้นดาดฟ้าพร้อมกับฟังเพลงคลาสสิกคลอไปด้วยอย่างนี้ก่อนจะเจอคนที่นัดมากกว่า

แม้อากาศติดจะหนาวเย็นไปบ้างเนื่องจากเป็นตอนพลบค่ำของโซลเดือนพฤศจิกายน แต่เสื้อโค้ทก็ยังทำหน้าที่ของมันได้ดีแถมมีฮีทเตอร์อยู่ใต้เท้าช่วยไม่น้อย แบคฮยอนจึงสามารถปล่อยใจให้เคลิ้มกับรสชาติของไวน์หมักปี 1992 และเพลงบรรเลงจากเปียโนราคาแพงได้อย่างสบายใจ

ร่างบางกระชับเสื้อโค้ทให้แนบลำตัวมากขึ้นอีกเพื่อกันลมที่พัดมา แม้แอลกอฮอล์จะเริ่มออกฤทธิ์ให้ร่างกายอุ่นขึ้นบ้างแล้ว แต่เพราะลมพัดมาเรื่อยๆ เลยทำให้รู้สึกหนาวขึ้นทุกที มือซ้ายวางแก้วไวน์แล้วยกขึ้นมาดูนาฬิกา อีกสองนาทีก็ถึงเวลานัดแล้ว เขาไม่รู้ว่าชานยอลเป็นคนอย่างไรเพราะเพิ่งเคยเจอกัน แต่ถ้าต้องการให้เขาประทับใจอีกฝ่ายไม่น่ามาสายตั้งแต่เดทแรก

คิดแล้วก็ขำ ใช่เดทหรือเปล่าก็ไม่รู้ในเมื่ออีกคนแค่บอกว่าอยากให้ช่วยศึกษาร่างกายอย่างละเอียดตั้งแต่คืนนี้เลย นึกย้อนไปช่วงบ่ายที่เสียงโทรศัพท์ดังเขาก็แอบยิ้มเล็กๆ

สวัสดีครับ แบคฮยอนรับสายด้วยน้ำเสียงธรรมดาเพราะเบอร์ที่โทรมาไม่มีชื่อ
สวัสดีครับ ดีไซน์เนอร์คนสวยหากแต่เสียงที่กรอกมาตามสายทำให้ใจเต้นตึกตักเพราะไม่คิดว่านายแบบหนุ่มที่เจอกันตอนเช้าจะติดต่อมาไวขนาดนี้
มีอะไรรึเปล่าครับ ปาร์คชานยอลปลายสายหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะตอบ
เก่งจังเลยครับที่จำเสียงผมได้
ก็ค่อนข้างสนใจน่ะหยอดให้คนปลายสายยิ้มแล้วกรอกเสียงทุ้มหวานตามมา
ผมก็สนใจคุณไม่น้อยครับ ไม่ทราบว่าคุณสนใจที่จะสำรวจร่างกายผมอย่างละเอียด เพื่อใช้ประกอบการดีไซน์ชุดใหม่รึเปล่าคราวนี้เป็นแบคฮยอนบ้างที่ยิ้มเบาๆ ให้ตายเถอะเขาถูกใจพ่อนายแบบหนุ่มคนนี้มากขึ้นแล้วนะ
คืนนี้ผมจองร้านอาหารฟรองซัวร์ ชั้นดาดฟ้าโรงแรม K ไว้ ถ้าคุณว่างนะ
ผมว่างเสมอครับ หนึ่งทุ่มเจอกัน
จุ๊บใช้ปากจุ๊บโทรศัพท์เพื่อตอบรับก่อนจะวางสายก่อน บอกแล้วว่าคนที่ถูกใจใช่จะหาได้ง่ายนัก


“ยิ้มอะไรครับคนสวย” แทบจะทันทีที่แบคฮยอนยิ้มออกมาเพราะคิดถึงบทสนทนาทางโทรศัพท์ที่แสนวาบหวามนั่น ชานยอลก็เข้ามากอดเขาจากด้านหลัง ไออุ่นที่แทบทำเขาละลายพ่นออกมาจากปากที่กระซิบคำทักทายที่แสนน่ารัก
“คิดถึงคุณ” คำกล่าวออกจากดีไซน์เนอร์ปากหนักแต่พูดตรงช่างน่ารักนักในความคิดของชานยอล เขาไม่เคยรู้เลยว่าการเจอคนที่ถูกใจนั้นจะทำให้เขารู้สึกหลงใหลอีกฝ่ายได้มากขนาดนี้ ร่างสูงจับใบหน้าหวานให้หันมาแล้วกล่าวคำที่ตรงกับใจเช่นกัน

“ผมก็คิดถึงคุณ” เรียกรอยยิ้มสวยให้ใจเขาคลายหนาวได้เลยทีเดียว

คงไม่มีคำอื่นใดที่อธิบายความเข้ากันได้ระหว่างชานยอลและแบคฮยอนได้มากกว่าคำว่า เกิดมาเพื่อคู่กันแม้จะเป็นเดทแรกท่ามกลางบรรยากาศหนาวเหน็บของต้นเดือนพฤศจิกายน แต่ทั้งคู่ต่างรู้สึกได้ถึงสายใยที่เชื่อมโยงระหว่างกันทั้งๆ ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

ชานยอลพบว่าการนั่งดื่มไวน์ท่ามกลางบรรยากาศดาดฟ้านั้นเป็นอะไรที่เขาชอบ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยนั่งในร้านที่บรรยากาศแบบนี้ แต่เพราะครั้งนี้มีแบคฮยอนอยู่ด้วย คนสวยตัวเล็กของเขาพูดเจื้อยแจ้วราวกับว่าฉายาดีไซน์เนอร์ปากหนักเป็นเพียงข่าวลือ เขาเองไม่ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของแบคฮยอนที่เป็นดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่มาแรง แต่เพราะเพิ่งเจอตัวจริงเลยถูกใจอย่างหนัก

แบคฮยอนก็ไม่ต่างกัน อันที่จริงเขาปากหนักเพราะเขาขี้เกียจพูดต่างหาก แต่กับชานยอลเขาไม่รู้สึกเสียดายเวลาที่จะต้องพูดในสิ่งที่ชอบกับคนตัวสูงเบื้องหน้าเลย ชานยอลเข้ากับเขาได้ดีในเกือบทุกเรื่องตั้งแต่คุยมา แนวเสื้อผ้าหรือของที่ชอบก็คล้ายๆ กัน เสื้อผ้ายังซื้อจากที่เดียวกันอีก แม้แต่ไวน์ที่แบคฮยอนชอบ ชานยอลก็บอกว่าเขาก็ชอบยี่ห้อนี้เหมือนกัน มันทำให้เขารู้สึกดีที่ได้มาดินเนอร์กับนายแบบหนุ่ม แม้เราจะเจอกันครั้งแรกก็ตาม

จนไวน์ขวดที่สามเริ่มทำให้คนตัวเล็กกรึ่มๆ ชานยอลจึงถามว่าห้องที่จองไว้อยู่ชั้นไหน แล้วควักบัตรเครดิตออกมาจ่ายค่าอาหารทั้งหมด รอสักครู่พอบริกรจัดการทั้งหมดแล้วจึงพาแบคฮยอนไปที่ห้องพัก คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาไม่ได้ส่งถึงแค่หน้าประตู ร่างสูงประคองคนตัวเล็กไปยังเตียงแล้วให้นั่งลงเท่านั้นเองมือน้อยๆ ก็ยกขึ้นมารั้งใบหน้าเขาให้รับกับจูบที่ร้อนแรงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ให้หลงใหลจนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

ใช่ว่าชานยอลจะไม่เชี่ยวชาญเสียเมื่อไหร่เมื่อมือหนาข้างหนึ่งก็ประคองใบหน้าเล็กให้จูบกับตนเองได้ถนัด ในขณะที่อีกมือก็ประคองเอวคนสวยเพื่อหาที่ยึดจับและให้ร่างทั้งสองแนบกันได้ถนัดขึ้นอีก จูบร้อนที่คนตัวเล็กมอบให้ช่างเร่าร้อนเหมือนเจ้าตัวจนชานยอลต้องครางเสียงต่ำรับ ในขณะที่แบคฮยอนเผลออ้าปากหายใจลิ้นหนาก็กวาดเข้าไปในโพรงปากคนสวยแล้วมอบรสชาติของไวน์ที่ดื่มด้วยกันเติมเชื้อไฟให้จูบนี้ร้อนแรงไปอีก

จนกระทั่งหายใจหายคอไม่ทัน ชานยอลจึงผละออกมาให้แบคฮยอนได้หายใจถนัดก่อนมือหนาจะค่อยๆ ปลดผ้าพันคอ เสื้อโค้ท ทั้งของตนเองและร่างบางตรงหน้า ปลดกระดุมเสื้อโค้ททีละเม็ดแล้วจูบผ่านเสื้อผ้าฝ้ายบางไล่ลงมาจนกระทั่งถึงหน้าท้องให้เสียวไส้เล่นๆ แล้วมือที่ช่ำชองก็ค่อยๆ ปลดกางเกงขาเดฟที่แบคฮยอนสวมออกอย่างง่ายดายพร้อมอันเดอร์แวร์ตัวจิ๋วก่อนจะหยอกล้อกับส่วนอ่อนไหวอย่างเบามือ

“อื้อ”

แบคฮยอนครางเสียงหวานทันทีที่มือของเขาสัมผัสกับส่วนอุ่นร้อนที่กำลังจะแข็งขืนในไม่ช้า เมื่อแบคฮยอนสวมแค่เสื้อผ้าฝ้ายแล้วคนตัวเล็กก็ยิ่งเล็กลงไปถนัดตา แม้แต่ส่วนที่เขาจับอยู่ก็เล็กเสียจนชานยอลจับได้พอดีมือ ลูบๆ นิดหน่อยแบคฮยอนก็ยิ่งครางเสียงหวานขึ้นเรื่อยๆ ร่างสูงจึงตัดสินใจเปลื้องผ้าตนเองบ้าง

ราวกับรู้ใจกันเมื่อมือเล็กขยับมาช่วยปลดเสื้อสเวตเตอร์สีเทาของเขาบ้าง มือน้อยๆ สั่นระริกเพราะเขายังไม่ละมือจากการกอบกุมส่วนอุ่นร้อนกลางลำตัว แต่แบคฮยอนก็กัดฟันค่อยๆ ช่วยปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงจนส่วนกลางที่นูนออกมาปรากฏสู่สายตา

ตาเล็กที่ถลึงจ้องมองบอกเซอร์ของเขาทำให้ชานยอลพอใจมาก ร่างสูงค่อยๆ อุ้มร่างเล็กให้นอนลงบนเตียงแล้วปลดเสื้อผ้าฝ้ายภายในพริบตา ขึ้นคร่อมคนเบื้องล่างก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มให้ใจสั่นเบาๆ

“อยากสำรวจร่างกายผมก็ปลดบ็อกเซอร์สิครับ”

แบคฮยอนยิ้มหวานแทนคำตอบมือเรียวเอื้อมมือไปปลดบ็อกเซอร์ของคนตัวสูงแต่พอปลดได้แล้วชานยอลกลับแกล้งด้วยการขยับถอยหนีให้แบคฮยอนร้องอย่างขัดใจ ร่างสูงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะทำอะไรให้คนเบื้องล่างได้ตื่นเต้นไปด้วยกันก่อน

“อาส์”

เสียงพึงพอใจดังออกจากปากเล็กยามที่ปากของเขาเข้าครอบครองกลางลำตัวของคนใต้ร่าง ชานยอลได้ทีจึงใช้ลีลาที่เขามีส่งให้ร่างน้อยๆ นั้นดิ้นเร่า เอวคอดโก่งขึ้นอย่างทนไม่ไหวยามที่ปากใหญ่รูดรั้งและขบเม้มเป็นระยะ มือเล็กข้างหนึ่งจับที่ผ้าปูที่นอนแล้วอีกข้างก็จับหัวของเขาไว้เพื่อรั้งความรุนแรงของเจ้าของปาก แต่เสียงครางหวานยิ่งกระตุ้นให้ชานยอลเร่งจังหวะอย่างรีบร้อนมากขึ้น

“ระ เร็วอีก อีกนิด”

เร่งจังหวะเพราะใกล้จะทนไม่ไหวเต็มที แบคฮยอนก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำเรื่องพรรค์นี้แต่การกระตุ้นอีกฝ่ายเพื่อบอกว่าเขาเกือบถึงฝั่งนั้นมันคือการกล่าวชมด้วยว่าคุณเข้าใกล้ความสำเร็จของผมแล้ว ชานยอลจึงไม่ขัดปากที่เจนจัดเร่งจังหวะจนรับรู้ถึงแรงกระตุกตัวของร่างเล็กแล้วถอนปากออกมาให้น้ำหลากเต็มมือเขาแทน

เมื่อมือมีน้ำหล่อลื่นแล้วชานยอลจึงยัดน้ำคาวเข้าช่องทางด้านหลังทันที ความหนึบของมันทำให้ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเล็กๆ แต่เพราะเขาไม่ใช่ไม่เคยจึงตอดรัดสู้สุดแรงเช่นกัน ชานยอลมองนิ้วที่ทำงานอย่างดีเพราะมันแยกประสาทได้ชัดเจนแล้วจ่อแกนกลางเข้าที่ปากคนตรงหน้าแล้วร้องขอบริการบ้าง

“คุณบอกจะสำรวจร่างกายผมไม่ใช่เหรอ?”

แบคฮยอนยิ้มรับแล้วใช้ปากครอบของร้อนตรงหน้าทันที แม้มือซ้ายของชานยอลจะกำลังรุกช่องทางด้านหลังคนตัวเล็กอยู่ แต่ด้วยความสูงที่ต่างกันก็ไม่ยากนักที่ร่างเล็กจะตะแคงข้างมาใช้ปากทำออรัลได้ แม้จะทุลักทุเลเพราะขนาดของสิ่งที่จะต้องอมไม่สัมพันธ์กับปาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสุขในการครอบครองเปลี่ยนไปนัก

“อาส์ อย่างนั้นล่ะ”

ชานยอลอดที่จะชมไม่ได้ คนตรงหน้าเขาไม่ได้เชี่ยวชาญแค่การออกแบบเสื้อผ้า แต่การออกแบบบทรักก็เหลือร้าย แม้ปากเล็กจะครอบไม่ทั่วแต่มือน้อยๆ ก็ลูบคลำที่ฐานช่วยแถมยังขบเม้มที่ปลายก้านตรงจุดกระสันให้เขาเสียวเล่นอีก


“พอก่อน อืมมมม”

การสำรวจร่างกายของแบคฮยอนหนักหน่วงไม่แพ้การรุกล้ำของนิ้วใหญ่ ชานยอลไม่อยากเสร็จในปากเล็กจึงค่อยๆ เอามือขวาประคองใบหน้าสวยให้ออกห่างจากตัวก่อนจะถอนนิ้วออกเรียกเสียงครางแล้วจูบเรียกให้อารมณ์ขึ้นสูงไปอีก

ปากใหญ่ครอบปากเล็กได้หมดจนไม่เหลือที่ว่างให้อากาศแทรก ลิ้นร้อนก็ตวัดปลายไปมาในพื้นที่แคบอย่างเชี่ยวชาญ แบคฮยอนต้องสูดลมหายใจทางปากอย่างหนักเมื่อชานยอลถอนปากออกไป พออารมณ์พุ่งขึ้นสูงแล้วมือหนาจึงหยิบเจลที่วางบนหัวเตียงมาทาปลายของแข็งตัวเองแล้วสอดเข้าไปให้สุด

“อ๊ะ อ๊า”

เสียงตกใจออกจากปากเล็กเมื่อของใหญ่เข้าตัวแบบจุกไปหมด ร่างบางต้องอ้าขามากกว่าเดิมเมื่อชานยอลเสือกกายเข้ามาอีกนิด ร่างสูงครางอืมในลำคอด้วยความพึงพอใจเพราะช่องทางตอดรัดเขาจนแทบทนไม่ไหว แต่เหมือนแบคฮยอนจะเพิ่งเจอของใหญ่เป็นครั้งแรก ร่างเล็กเลยเกร็งไม่หยุด ต้องจูบขมับแล้วเอ่ยคำปลอบประโลม

“คุณสำรวจผมแล้ว ให้ผมสำรวจคุณบ้างนะครับ”
“ดะ ได้สิ”

แล้วปากหนาก็จูบเข้าที่ปากบางอีกครั้งเพื่อให้ความเกร็งหายไป ลิ้นร้อนหยอกเอินกับลิ้นเล็กเพื่อให้ลดความตื่นกลัว พอเริ่มเข้าที่แบคฮยอนก็จูบตอบเขาอย่างว่าง่าย ช่องทางด้านหลังจึงตอบรับของใหญ่ได้เสียที ชานยอลจึงค่อยๆ ขยับเข้าออกทั้งๆ ที่ปากยังไม่ผละจากกัน สักพักจังหวะเริ่มเข้าที่ร่างบางจึงครางอย่างทนไม่ไหว

“อื้อ ขะ เข้ามาอีก”

ชานยอลยิ้มมุมปาก พอตอบรับแล้วก็ร้องขอใหญ่เลยนะ หัวเราะในลำคอแล้วก็ทำตามคำขอของคนใต้ร่างด้วยการกระชับกายให้แนบเข้ากับอีกคนไปอีกนิด ขาที่อ้ามากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบองศาถูกยกมาวางไว้ข้างลำตัวเขาก่อนที่จังหวะรักจะถูกบรรเลงให้กระชับมากขึ้นเพื่อให้เข้าถึงจุดพีคก่อนที่ร่างบางจะเกร็งขึ้นมาอีกรอบ

“อ๊า เร็วอีก ขอ อ๊ะ รูดให้ อ๊า ด้วย”

แบคฮยอนพูดลำบากเต็มทียามชานยอลเร่งจังหวะจนเกือบถึงท่อนพีคของเพลงรัก มือน้อยจับมือหนาให้เข้ามาช่วยรูดรั้งเพื่อไปสู่ตอนปลายเพลงด้วยกันซึ่งก็ไม่มีการขัดข้องใดๆ มือเล็กอีกข้างจึงจับยึดไว้ที่ผ้าปูด้วยกลัวร่างจะตกหลุมอากาศในเร็วๆ นี้ ชานยอลจับแกนกายของอีกคนด้วยมือขวาก่อนจะกระชับขาอีกคนด้วยมือซ้ายพร้อมกับขยับสะโพกไม่หยุดหย่อน

“อ๊า ใกล้แล้ว อ๊า โอ๊ว”

ร่างสูงค่อนข้างตกใจเล็กน้อยที่น้ำขาวๆ เปรอะมือเขาอีกรอบ พร้อมกับแบคฮยอนที่กระโจนจากที่นอนมากอดเขาเต็มแรงราวกับกลัวตกหลุมอากาศที่ไม่มีใครมองเห็น ปากหนาจึงยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนท่าให้คนในอ้อมกอดกลายเป็นฝ่ายที่นั่งอยู่ด้านบนแล้วตัวเขานั่งพิงกับหัวเตียงแทน

พอจัดท่าทางให้คล่องตัวแล้วคนตัวใหญ่กว่าก็กระชับร่างเล็กให้แนบเนื้อสนิทกันแล้วเอ่ยคำขอด้วยน้ำเสียงทุ้มหวานเช่นเคย

“ช่วยให้ผมเข้าถึงคุณหน่อยนะครับ”
“แล้วต้องทำยังไง อ๊า”
“อย่างนี้ล่ะ”

แบคฮยอนเผลอยกตัวขึ้นถามจึงเกิดความเสียวที่ท้องน้อย ร่างเล็กจึงทำตามรีเฟลกซ์คือการนั่งทับไปที่เดิมนั่นก็ทำให้เข้าใจว่าการจะพาชานยอลไปถึงบทสุดท้ายของเพลงรักต้องมีเขาเป็นคนบรรเลงท่วงทำนอง มือข้างซ้ายจึงบีบเข้าที่ไหล่แน่นเพื่อเป็นที่ยึดในขณะที่มือขวาจับหน้าขาของอีกฝ่ายไว้เพื่อช่วยให้การขับดันร่างกายเป็นไปได้แรงถึงระดับขีดสุด

“อาส์ อย่างนั้นแหละแบคฮยอน โอ๊ว อีกนิด”

ชานยอลสูดปากด้วยความพึงพอใจเมื่อร่างเล็กขยับขึ้นลงไปมาไม่พอกลับค่อยวนเวียนเป็นวงกลมให้สองร่างแนบกระชับไปทุกสัดส่วน มือน้อยๆ ข้างที่จับไหล่เขาบีบแน่นขึ้นทุกทีจนคิดว่าน่าจะเป็นรอยแล้ว แต่เพราะเสียงครางหวานของแบคฮยอนช่วยให้เขาลืมเรื่องอื่นไปได้เลย ปากหนาเข้าครอบครองจุดสีชมพูในระดับใบหน้าไปพร้อมๆ กับรับแรงกระแทกให้อารมณ์ทะยานขึ้นสูง และคงเพราะแกนกายเล็กๆ เสียดสีกับซิกส์แพ็คของเขาจนมันตื่นตัวเรื่อยๆ คนในอ้อมกอดจึงขอร้องเขาอีกหน

“ชาน อื้อ ยอล ช่วย อ๊ะ รูด อีก”

พูดได้ลำบากเพราะแรงใกล้จะหมดจากการปั๊มน้ำช่วยร่างสูง ชานยอลครางตอบรับในลำคอแล้วมือใหญ่ก็เข้าครอบของเล็กอีกครั้ง ริมฝีปากก็ยังไม่ผละจากดอกบัวชูช่อบนอก จนกระทั่งแทบหมดแรง แบคฮยอนจึงรู้สึกถึงน้ำไหลบ่าเข้าตัวพร้อมๆ กับที่หน้าตักชานยอลเลอะเปื้อนน้ำขาวๆ อีกครั้ง แทบหมดแรงจากการเข้าสู่จุดพีคถึงสามครั้งแบคฮยอนจึงได้แค่ซบลงกับไหล่แกร่งแล้วกระซิบเสียงเบา


“เป็นการศึกษาร่างกายนายแบบที่เหนื่อยที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลย”


...................................................................................................


ภายในห้องเสื้อของดีไซน์เนอร์ชื่อดังมีเสียงหัวร่อต่อกระซิกของคนที่เพิ่งคุยกันมาสามสัปดาห์ออกมาให้คนโสดอิจฉาเล่น แบคฮยอนไม่ได้เป็นดีไซน์เนอร์ฉายาปากหนักแล้วตั้งแต่วันที่ชานยอลเดินเข้ามาในชีวิต คนตัวเล็กกลายเป็นดีไซน์เนอร์ที่หัวเราะบ่อยเมื่อมีนายแบบหนุ่มอยู่ข้างกาย เช่นเดียวกัน ใบหน้าที่มักบูดบึ้งบนแคทวอร์คของชานยอลก็แย้มยิ้มเสมอเมื่ออยู่ใกล้แบคฮยอน

“ใส่แล้วเป็นยังไงบ้าง” เสียงใสเอ่ยถามผู้สวมใส่ เนื่องจากชุดคอลเลคชั่นนี้ค่อนข้างแนบเนื้อ จึงกังวลว่าคนใส่อาจอึดอัดถ้าแน่นไป

“พอดีตัวเลยล่ะ” ชานยอลกล่าวแล้วขยิบตาหนึ่งที ส่งผลให้ดีไซน์เนอร์ตัวเล็กหน้าแดงอย่างอดไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าที่ชานยอลขยิบตาคือบอกว่าพอดีแบบสุดๆ

ก็ต้องพอดีสินะ เล่นวัดตัวกันทั้งคืนอย่างนั้น

เพราะมีชานยอลเป็นแรงบันดาลใจเสื้อผ้าคอลเลกชั่นนี้ของแบคฮยอนจึงมีรุ่นพี่ดีไซน์เนอร์ที่เคยให้คำแนะนำชมไม่ขาดว่าเหมือนมีกลิ่นความรักลอยมา แม้จะเป็นเสื้อผ้ากึ่งรัดรูปแต่ก็มีสูทตัวหนาคอยครอบคลุมเหมือนตอนที่เขาแนบตัวกับชานยอลก็มีความอบอุ่นจากคนข้างกายกอบกุมไม่ห่าง

“กำหนดเปิดคอลเลคชั่นวันพฤหัสนี้ ฟิตร่างกายให้พร้อมนะ”
“ขอฟิตกับแบคฮยอนได้หรือเปล่า”
“จะฟิตยังไงเล่า”
“ก็ฟิตอย่างที่เคยเลยล่ะ” บรรยากาศยังหวานไปอยู่ดีเมื่อชานยอลหยอดให้แบคฮยอนเขินอยู่เรื่อยๆ ดีไซน์เนอร์ร่างเล็กแก้เขินด้วยการไปหยิบชุดใหม่ออกมาให้ชานยอลลองสวม แต่ก็ต้องอายหน้าแดงไปอีกที่เจ้าตัวถอดเสื้อออกมาตรงนี้เลย ต่อหน้าเขาและสตาฟที่เป็นลูกมืออีกสองสามคน

เด็กฝึกงานสาวน้อยและสตาฟสาวใหญ่ต่างก็ป้องปากมองมาที่ซิกส์แพ็คของชานยอลอย่างไม่ปิดบังพร้อมกับหน้าแดงไปเป็นแถบ นั่นก็เรียกให้ร่างสูงยิ้มออกมาจนเห็นฟันเกือบหมด แต่แบคฮยอนกลับไม่ชอบใจเลย มือเรียววางชุดลงบนอกเปลือยของนายแบบหนุ่มแล้วก็ผละออกไปด้วยใบหน้างอนๆ ปากเบะขึ้นจนเกือบถึงจมูก

ชานยอลจึงรู้ว่าทำให้คนตัวดีงอนซะแล้วจึงใส่เสื้อตามเดิมแล้วเดินเข้าไปหาอย่างจงใจ กอดเอวคอดจากด้านหลังแล้วกระซิบเสียงเบา

“โกรธเหรอครับคนดี หืม”
“เปล่า แค่ไม่อยากให้คนอื่นเห็น”
“หึงหรือหวงดีนะ อาการแบบนี้” ยิ้มให้กับความน่ารักของคนตัวเล็ก ที่แท้ก็ไม่อยากให้ใครเห็นหุ่นเขานี่เอง
“ก็...ทั้งคู่” ตอบได้น่ารักจนชานยอลต้องขโมยหอมแก้มไปสักฟอดก่อนจะจับไหล่ให้คนตรงหน้าหันมามองหน้า
“ผมเป็นนายแบบอาจจะมีโชว์บ้าง แต่ผมจะไม่ให้ใครเข้ามาในพื้นที่ตรงนี้เท่าคุณหรอกนะ” พูดแล้วจับมือขวาของคนตรงหน้ามากุมที่อกซ้ายของตนอย่างตั้งใจ เสียงหัวใจตึกตักของทั้งสองเป็นคำตอบได้ดีแม้ว่าแบคฮยอนจะไม่เอ่ยคำตอบรับก็ตาม

“อื้ม เข้าใจแล้วน่า” ยิ้มเบาๆ แล้วก้มหน้างุดเพื่อหลบความเขินที่คนตัวสูงทำให้เกิดก่อนจะทำเป็นก้มๆ เงยๆ สำรวจชุดที่ชานยอลใส่เพื่อแก้เขินและหลบสายตาของสตาฟที่มองมาแบบแซวๆ


..........................................................................................


เสียงปรบมือดังขึ้นทุกทิศทางเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์คอลเลกชั่นหน้าหนาวจบลง ทุกคนต่างกล่าวเสียงชมว่าเยี่ยมมากเมื่อชุดสุดท้ายออกมาพร้อมกับนายแบบสุดฮอตของวันนี้ ปาร์คชานยอลสวมชุดฟินนาเล่ที่ออกแบบโดยแบคฮยอนได้อย่างพอดีตัวและสามารถแสดงออกถึงจุดเด่นของชุดนี้ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

เสื้อผ้าฝ้ายเนื้อบางทับด้วยสเวตเตอร์ลายตารางสีเทาซ้อนอีกชั้นด้วยสูทสีเขียวขนาดพอดีตัวดูสุภาพแต่แฝงความขี้เล่นด้วยฮู้ดเรียบๆ พร้อมกับใบหน้าที่เหมือนจะเฉยชาแต่กลับขยิบตาเบาๆ เมื่อมาถึงจุดมาร์คปลายรันเวย์ ทำให้ชุดสุดท้ายนี้ถูกใจดีไซน์เนอร์รุ่นพี่ที่มาชมงานแสดงของรุ่นใหม่อย่างแบคฮยอนไปตามๆ กัน

“ทำดีมากเลยแบคฮยอน อย่างนี้อีกไม่กี่ปีก็ได้มาอยู่แถวหน้าของวงการแล้ว” เสียงกล่าวชมจากรุ่นพี่ที่จบสาขาการออกแบบเสื้อผ้ายุโรปที่เดียวกับแบคฮยอนชมเจ้าตัวอย่างจริงใจ แบคฮยอนยิ้มแก้มปริ เขายังคงไม่พูดมากกับคนอื่น มีแค่ชานยอลเท่านั้นที่เขาพูดด้วยอย่างไม่ขี้เกียจ ร่างบางจึงโค้งคำนับเพื่อตอบรับคำขอบคุณแทน


“นายแบบที่มาเดินชุดฟินนาเล่ให้ดูดีมากเลย ปาร์คชานยอลใช่มั้ย?” รุ่นพี่อีกคนเอ่ยถามเขา ในขณะที่จะตอบก็มีมือปริศนามาคล้องเอวพร้อมกับเอ่ยตอบแทนเขา

“ครับ ปาร์คชานยอลครับ ขอบคุณที่ชมครับ” ร่างสูงเอ่ยแล้วโค้งคำนับพร้อมกับจับมือดีไซน์เนอร์รุ่นใหญ่จนอีกฝ่ายซึ่งเป็นหญิงสาวถึงกับเขินอาย แบคฮยอนค้อนอีกฝ่ายด้วยสายตาว่ามาขัดจังหวะทำไม แต่ก็ได้สายตาทะเล้นมาแทน

พอดีกับที่รุ่นพี่บอกจะกลับแล้ว แบคฮยอนจึงโค้งส่งแล้วแขกเหรื่อที่มาชมแฟชั่นโชว์พร้อมทั้งสื่อก็เข้ามาขอสัมภาษณ์ทั้งคู่ถึงแรงบันดาลใจของคอลเลกชั่นชุดนี้

“คุณแบคฮยอนคะ แรงบันดาลใจของคอลเลคชั่นหน้าหนาวนี้ได้มาจากอะไรคะ” นักข่าวสาวถามคำถามเบสิกแต่แบคฮยอนกลับเขินไม่น้อยจะตอบยังไงดีว่ามันมาจากคืนแรกที่เขาและชานยอลเจอกัน

“แรงบันดาลใจมาจากความรักของคนสองคนที่เกิดขึ้นจากการถูกใจในช่วงเวลาสั้นๆ แต่การได้เข้าถึงกันและกันทำให้เขารับรู้ถึงความอบอุ่นและความขี้เล่นของอีกคนน่ะครับ” กลายเป็นเสียงทุ้มๆ ของชานยอลตอบแทน พร้อมขยิบตาให้นักข่าวหนึ่งที มือก็กอดเอวแบคฮยอนแน่น จนนักข่าวสาวอดแซวไม่ได้

“น่ารักกันจริงๆ อย่างนี้แฟนคลับคุณชานยอลไม่ว่าเอาเหรอคะ”
“คือเรา...” แบคฮยอนชิงตอบว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่คิดแต่กลายเป็นชานยอลกล่าวขัดขึ้นมาก่อน
“ไม่ว่าครับ แฟนคลับเขาเข้าใจผมและแบคฮยอน ขอบคุณทุกท่านที่สนใจในแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ของแฟนผมนะครับ”

แบคฮยอนอ้าปากพะงาบๆ เขาทั้งสองคนยังไม่เคยขอคบกันเลย แม้จะสื่อถึงกันผ่านร่างกายแต่ก็ไม่เคยพูดกันจริงจังเรื่องนี้ นี่ออกจะเหนือความคาดหมายไปหน่อย ฉายาดีไซน์เนอร์ปากหนักจึงถูกยกมาอีกครั้งพร้อมกับก้มหน้างุดเพราะหน้าแดงเป็นริ้วๆ แล้ว

“น่ารักจริงๆ ขอให้รักกันนานๆ นะคะ” แม่นักข่าวสาวปิดท้ายแล้วก็รีบไปเตรียมเขียนข่าวอย่างรวดเร็ว ข่าวนายแบบเปิดตัวว่าเป็นแฟนกับดีไซน์เนอร์น้องใหม่มาแรงน่าจะขายได้ไม่น้อย

งานจบลงแล้วพร้อมกับสตาฟที่กลับบ้านจนเกือบหมด เพราะแบคฮยอนชอบตรวจตราความเรียบร้อยด้วยตนเอง ร่างบางจึงคอยดูการเก็บงานทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อนจะกลับออกไป ตอนนี้ของที่เป็นสแตนด์หรือเสื้อผ้าต่างๆ ถูกขนไปเก็บที่ห้องเสื้อหมดแล้ว จึงเหลือแค่เวทีที่เป็นรันเวย์ซึ่งช่างจะมาเก็บงานในวันพรุ่งนี้ สตาฟคนสุดท้ายโค้งให้แบคฮยอนแล้วเดินออกไปพอดีกับตอนที่ชานยอลเดินมากอดเอวอีกคนไว้หลวมๆ

“เสร็จงานแล้วใช่มั้ยหืม คนดีของผม”
“อื้ม เสร็จแล้ว วันนี้อยากไปไหนรึเปล่า”

ชานยอลจับคนในอ้อมกอดให้หันหน้ามาหาตน เอาหน้าผากวางแนบอีกคนแล้วเชยคางให้ใบหน้าของอีกคนมองเขาชัดๆ

“รู้รึเปล่าว่าวันนี้วันเกิดผม”
“อื้ม” ใบหน้าสวยพยักหน้าเบาๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าวันนี้วันเกิดชานยอล อันที่จริงที่ถามว่าอยากไปไหนคือแกล้งถามต่างหาก

“งั้นวันนี้ตามใจผมหน่อย”

ชานยอลพูดจบก็เดินจูงมือคนตัวเล็กให้เดินมาตามรันเวย์ที่เป็นเวทียกสูง พาเดินมาด้วยกันคล้ายตอนที่ออกมาโชว์ชุดฟินนาเล่แล้วพอมาถึงจุดมาร์คหน้าเวทีก็จับแบคฮยอนหมุนตัวหนึ่งรอบก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าซึ่งทำให้แบคฮยอนตกใจเห็นได้ชัด

“คุกเข่าทำไม” กล่าวทักแต่ยังไม่ทันจบประโยค มือหนาก็ยกมือเล็กขึ้นมาจูบแล้วเอ่ย
“ผมรู้ว่าไม่เคยบอกรักคุณ แต่วันนี้คือวันพิเศษช่วยฟังผมหน่อย”
“อื้ม” หน้าแดงไปจนถึงติ่งหูเพราะคำพูดขอร้องของคนตรงหน้า

“ถึงแม้เราจะเจอกันแค่ไม่ถึงเดือนแต่ผมชอบคุณมากๆ ดังนั้นช่วยฟังคำนี้นะครับ” เว้นสูดลมหายใจเล็กน้อย

“ผมรักคุณ เป็นแฟนกันนะครับ แบคฮยอน”

พูดจบคนตัวเล็กก็โผเข้ากอดทันทีพร้อมเสียงตอบรับอื้มในลำคอ

“ขอบคุณเหมือนกันนะชานยอล ขอบคุณที่เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเสื้อผ้าของผม ขอบคุณที่เราเจอกัน ผมก็รักคุณ” เอียงอายหน้าแดงนิดหน่อยแล้วจูบเร็วๆ เรียกเสียงหัวเราะจากคนตัวสูงเพราะชอบใจไม่น้อย

“แต่ขอนะครับ อย่าไปสำรวจร่างกายนายแบบคนอื่นอีกนะ”
“แต่คุณจะว่างมาเป็นนายแบบให้ผมตลอดเหรอ”
“ผมหมายถึงสำรวจโดยละเอียดนะครับที่รัก”

คำว่าที่รักเรียกใบหน้าแบคฮยอนให้แดงขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่มือเล็กจะดึงให้ชานยอลลุกขึ้นยืนมองเบื้องหน้ารันเวย์ไปด้วยกัน

“ถึงผมจะมีนายแบบให้ออกแบบเสื้อผ้าอีกกี่คนก็จะมีแค่คุณที่จะได้สวมชุดฟินนาเล่ที่ออกแบบจากการสำรวจร่างกายอย่างละเอียดของผม”
“ถ้างั้นถึงผมจะเดินแบบให้ห้องเสื้ออื่น แต่ดีไซน์เนอร์ในใจผมก็จะมีเพียงคุณที่รัก”

“เรียกที่รักบ่อยๆ งี้ ห้ามเปลี่ยนสถานะเลยนะ”

มือหนาจับใบหน้าสวยให้เข้ามาใกล้ก่อนประทับจูบเบาๆ

“คุณคือที่รักของผมคนเดียวแน่นอน”

แล้วบนรันเวย์ก็ไร้ซึ่งสรรพเสียงเมื่อสองร่างกายเข้าโอบกอดแสดงความรักกันอีกครั้ง


……The End……


…………………………………………………………………..
แฮ่ ฟิคฉลองวันเกิดปาร์คชานคนซึน 27/11/14 จ้า
ถูกใจหรือยังไงก็แท็ก #noeybdsf กันได้นะ อิอิ



No comments:

Post a Comment