Saturday, March 28, 2015

[SF] Kim Kai Bad Guy – KaiDo [EXO][NC-17] – End

[SF] Kim Kai Bad Guy – KaiDo [EXO][NC-17] – End
#kimkaibadguy #noeybdsf


Kim Kai Bad Guy – 2[End]


Kimkai’s part…

ไม่เคยคิดว่าของเล่นจะทำให้ผมคิดมากอย่างนี้

คิมไครูปหล่อพ่อรวยเงินเยอะเรียนเก่งและมีซิกแพ็คดึงดูดสาวๆ อยู่เสมอกลับต้องมาคิดถึงคนคนหนึ่งซึ่งไม่สำคัญอะไรกับชีวิตเลย

ใช่... ดีโอก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่งของผมเท่านั้น เขาไม่สำคัญอะไรเลย

“คิดอะไรอยู่คะที่รัก ฉัน โอ้ว จะไม่ไหวแล้วนะ” อลิซาเบธที่อยู่ใต้ร่างผมครวญนิดหน่อยเมื่อจังหวะสะดุด อา... นี่ผมเผลอคิดถึงดีโอตอนจะเข้าด้ายเข้าเข็มอีกแล้ว

“อ้ะ คิมไค อ๊ะ ฉัน รัก คุณ โอ้ว ที่รัก”

ทำไมเสียงของเธอถึงไม่กระตุ้นอะไรเลยล่ะ ใจผมกลับคิดถึงเสียงของเล่นชิ้นเก่ามากกว่า ดีโอไม่ร้องถี่ขนาดนี้แต่มันทำให้ผมปลดปล่อยได้สำเร็จเสมอ

เขาไม่เคยบอกรักผมเหมือนพวกสาวๆ ทำกัน แต่เสียงร้องของเขาที่ชอบขัดใจผมมักจะกระตุ้นอารมณ์ดิบได้ผลที่สุด

“อ่าส์ เยี่ยมมาก ดีโอ” แล้วผมก็ถึงจุดหมายเมื่อนึกถึงเสียงของเขาในห้วงความคิด
“คุณว่าอะไรนะ” หากแต่อลิซาเบธอาจหูดีไปหน่อยที่ได้ยิน
“ไม่มีครับที่รัก เอ้อ พรุ่งนี้คุณไม่ต้องมาแล้วนะ” ผมพูดแล้วก็ไม่รอคำตอบอะไรจากคนที่ไม่น่าสนใจแล้ว คว้ากางเกงยีนส์ได้ก็ขึ้นไปข้างบนดีกว่า


เสร็จจากกิจกรรมบนเตียงผมมักจะมาสูบบุหรี่ที่ชั้นดาดฟ้าของวิลล่าเสมอ เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้วที่ ของเล่นใหม่ๆ ไม่เร้าใจเท่าที่ควร จนผมต้องเปลี่ยนเกือบทุกวัน

อ้อ แพทริเซียน่ะ เธอเห็นผมไม่ค่อยสนใจเธอเท่าไหร่ก็ไปหาคนใหม่แล้ว

บุหรี่กลิ่นไอซ์บลาสต์มวนที่สองถูกจุดขึ้นพร้อมกับอารมณ์ที่ไม่คงที่ของผม มันให้ความรู้สึกหอมเย็นเหมือนทุกครั้งที่ได้สูบ ยิ่งมีบรั่นดีปี 1993 ใส่น้ำแข็งหนึ่งก้อนดื่มด้วยแล้ว ปกตินี่คือสวรรค์ของผมเชียวล่ะ

ยกเว้นก็แต่วันนี้ ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรติดค้างบางอย่างที่นึกยังไงก็นึกไม่ออก

ผมไม่ใช่ลูกคนรวยที่ไม่มีสมอง ตรงกันข้ามผมคิดว่าไอคิวผมสูงกว่ามาตรฐานทั่วไปด้วยซ้ำ ผมสามารถดื่ม กิน เที่ยวและควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าตามที่ใจปรารถนา ในขณะเดียวกันความสามารถในการเรียนของผมก็อยู่ในระดับต้นๆ ของคอลเลจแห่งนี้

แถมยังมีเวลาว่างพอจะมาตกแต่งซุปเปอร์ไบค์และซุปเปอร์คาร์ซึ่งเป็นของเล่นชิ้นโปรดด้วย

ของเล่นชิ้นโปรดงั้นเหรอ?

ดีโอคือของเล่นชิ้นโปรดรึเปล่า ทำไมผมถึงไม่ลืมเขาสักที




...................................................

ดรีมไฮคอลเลจมีวิชาหลากหลายให้นักศึกษาได้เลือกสรรเสมอ มันมีตั้งแต่วิชาพื้นฐานเช่น เคมี ฟิสิกส์ ภาษา วรรณกรรม หรือสเปซิฟิกมากขึ้นอย่างเช่นการซ่อมแซมเครื่องบินและประดับยนต์

แน่นอนว่าคนที่ชื่นชอบการตกแต่งปรับเครื่องยนต์อย่างคิมไคต้องลงวิชานี้อยู่แล้ว

หลังจากลงชื่อเข้าคลาสประดับยนต์แล้วก็ตรงเข้าไปที่โรงประดับยนต์หมายเลขหนึ่งทันที ผมไม่จำเป็นต้องทักทายใครที่เข้ามาโรงประดับยนต์เดียวกันเพราะมันไม่สำคัญ

“ว่าว วันนี้คิมไคของเราหน้าตาบูดบึ้งจริงๆ”

อา... ลืมคิดไปว่ามีคนหนึ่งที่ไม่เคยละความพยายามในการทักทายผมเลย

“ฉันจำไม่เห็นได้นะปาร์คซี ว่าเคยทำหน้าตาดีกว่านี้ใส่นาย” ปาร์คซีมักจะกวนใจผมเสมอ แต่ก็ตามที่พูดแหละ ผมก็ทำหน้าตาอย่างนี้ตลอด
“ยังใจร้ายกับฉันเสมอนะพวก แต่จะบอกให้คิ้วนายขมวดขึ้น 0.5 เซนติเมตร” เขาพูดแล้วก็เอานิ้วมาจิ้มที่หว่างคิ้วของผมซึ่งก็เป็นเหมือนทุกที ผมปัดมือเขาออก
“ยุ่งน่า”
“แน่ใจนะว่านายไม่อยากรู้ว่าใครมาเข้าคลาสของเราแถมมาใช้โรงประดับยนต์ของเราด้วยในวันนี้” เมื่อเห็นผมไม่สนใจ ปาร์คซีก็พูดขึ้นมาลอยๆ อย่างกับว่าผมจะสนใจงั้นล่ะ

“เหมือนเขาจะเคยขโมยดูคาติคันโปรดของนายไปนะ”
“หืม?”
“เขาชื่อดีโอล่ะ ฉันไปทำความรู้จักมาแล้ว” แล้วปาร์คซีก็ฉายยิ้มเมื่อเห็นผมสนใจ

“เขาอยู่ไหน?”
“ว่าวววว นายสนใจเด็กเหลือขอที่อยู่หอพักระดับต่ำสุดด้วยเหรอเนี่ย?” ปาร์คซีเลิกคิ้วเมื่อผมจับเข้าที่คอเสื้อเขาเพื่อถามว่าดีโออยู่ไหน อ่า น้ำเสียงผมคงดูคาดคั้นเกินไป ปาร์คซีเลยทำหน้าเครียดเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วบอกคำตอบเรียบง่ายออกมา

“อยู่กับพยอนบีที่ห้อง 12 น่ะ”
“ขอบใจ” พูดแล้วก็ปล่อยมือออกจากคอเสื้อปาร์คซีเพื่อไปห้องเบอร์ 12 ทันที

ดรีมไฮคอลเลจมีวิชาเฉพาะก็จริงแต่การลงทะเบียนเรียนมันต้องใช้เงินที่มากกว่าวิชาสามัญมากนัก

แน่นอนว่ามันก็เป็นเพราะการซื้ออุปกรณ์และค่าใช้จ่ายต่างๆ ของวิชาเฉพาะมีราคาแพง การลงทะเบียนเรียนวิชาเหล่านั้นถึงแพงตาม

สำหรับผมและปาร์คซีมันไม่ลำบากมากนักที่จะลงเรียนวิชาประดับยนต์ หนึ่งในวิชาที่ค่าลงทะเบียนแพงที่สุดของดรีมไฮคอลเลจ แต่ทำไมคนอย่างดีโอถึงลงวิชานี้ด้วย

ตึง!

ผมเปิดประตูอย่างแรงเมื่อถึงห้องเบอร์ 12

“อ้าว คิมไคสวัสดี” ชายรูปร่างบอบบางหน้าตาสวยนัยน์ตาเรียวทักทายผมทันที เขาคือพยอนบีเพื่อนของผมคนหนึ่ง

และที่นั่งข้างเขากำลังศึกษาอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องคือดีโอ

ใช่ ดีโอคนที่เคยเป็นของเล่นของผมมาก่อน

“นายรู้จักดีโอรึยังล่ะคิมไค เขาน่ารักมากนะ เฮ้!” ผมตรงเข้าไปหนีบแขนดีโอเพื่อให้ออกมาคุยกันหน้าห้อง แต่มันคงดูก้าวร้าวไปหน่อยพยอนบีถึงได้ตกใจแล้วร้องทัก

แต่ผมไม่สนหรอก ผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับดีโอ

“ปล่อยผมนะ”

ผมลากดีโอเข้ามาที่ห้องเบอร์ 8 ที่ว่างอยู่พร้อมกับล็อกประตูทันที แต่เขาก็พยายามสะบัดมือออกแล้วทำท่าจะออกห้องไป ผมจึงเดินไปดึงเขามาชิดกำแพงข้างหนึ่งแล้วเอามือสองข้างค้ำไว้ไม่ให้เขาหนี

“นายคิดจะทำอะไร?” ผมระเบิดคำถามที่มีทันที
“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด” ดีโอพูดแล้วหลบตาผมทันที
“นายเอาเงินที่ไหนมาลงทะเบียนเรียนวิชานี้”
“คุณไม่เกี่ยว อ๊ะ”

ผมทนไม่ไหวแล้วที่เขาพูดแบบนี้ ปากเล็กๆ นั่นต้องได้รับการสั่งสอนสักหน่อย ผมจึงทั้งบดเบียดและกัดให้มีเลือดเพื่อให้เพียงพอกับที่เขามาปั่นหัวผมเล่นอย่างนี้

ใช่... เขาเอาเงินที่ผม โยนให้วันก่อนมาลงทะเบียนเรียนคลาสนี้ มันจะพ้นเหตุผลอะไรอีกถ้าเขาอยากจะเข้ามาอยู่ในสายตาผม อยากจะได้เงินผมอีกครั้ง

เด็กเหลือขอยังไงก็เป็นเด็กเหลือขออย่างนั้น

“ไปยกเลิกคลาสซะ ฉันรู้ว่านายมาเรียนคลาสนี้ทำไม”
“ไม่ คุณไม่มีสิทธิ์มาห้ามผม”
“ฉันมีสิทธิ์ห้ามนายเพราะนายเป็นของเล่นของฉัน!” ผมระเบิดคำพูดใส่เขาเมื่อเขาเถียง รู้สึกหน้ามืดโมโหอย่างหนักทำไมก็ไม่รู้เมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีสิทธิ์ นัยน์ตาของผมตอนนี้คงมีแสงเพลิงอยู่แน่ๆ ในเมื่อขอบตาของผมร้อนผ่าวไปหมด

“คุณทิ้งผมแล้ว จำไม่ได้เหรอ”

ผมอึ้งไปเลยเมื่อเขาพูดแบบนั้น ใช่...ผมทิ้งของเล่นชิ้นนี้แล้ว ผมไม่มีสิทธิ์อะไรแล้ว...

มือขาวซีดขยับมือผมที่ค้ำเขาอยู่ ดวงตากลมโตของดีโอส่งสายตามาให้ผมแบบแปลกๆ มันเหมือนมีน้ำตาอยู่ในนั้นแต่ก็ดูจริงจังมุ่งมั่นพอสมควรที่จะผลักผมออกไป เราจ้องตากันสักพักเขาก็หลุดจากการจองจำของผมแล้วออกจากห้องไป

ทิ้งไว้ให้ผมจมอยู่กับความคิดที่ว่าผม...ทิ้งเขางั้นเหรอ?



............................................

“ใช่มั้ยล่ะ ดีโอ เขาน่ะเป็นอย่างนั้นเสมอแหละ”
“อื้ม”
“แล้วไม่พอนะ พอฉันเข้าไปทำท่าจะกอดเขาน่ะ อย่างนี้เลย”
“ยังไง”
“เดี๋ยวสาธิตให้ดู อย่างนี้ๆ”

ผมรู้สึกรำคาญไม่น้อยเมื่อกำลังเดินผ่านห้องเบอร์ 6(มีห้อยเลข 1 ด้วยปาร์คซีเอามาติดเอง)ของโรงประดับยนต์หมายเลขหนึ่ง ในนั้นคือดีโอที่มานั่งดูปาร์คซีโม้อะไรไม่เข้าท่าพร้อมกับหัวเราะกันสองคนดูสนุกสนาน

มีความสุขดีสินะ หึ

ผมไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นหรอก แต่เพราะปาร์คซีน่ะชอบแกล้งผม มันคงไม่ผิดหากผมจะขัดจังหวะเขาบ้าง ก็เลยตัดสินใจเข้าไปในห้อง

“นี่ไงๆ ดีโอ ฉันเข้าไปอย่างนี้นะ แล้วคิดสิว่าคิมไคเขายังไงต่อ”

แต่พอผมเข้าห้องเบอร์ 6(1) ไป ปาร์คซีก็กำลังกอดดีโออย่างสนิทสนม คางได้รูปเกยเข้าที่ไหล่มน ส่วนคนที่โดนกอดอย่างดีโอก็หน้าแดง เอียงหน้าอายและเอาแขนกันไว้อย่างหลวมๆ

มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด

หงุดหงิดจนต้องเข้าไปกระชากตัวดีโอให้ออกจากอ้อมกอดนั่นแล้วต่อยเข้าที่แก้มของปาร์คซีอย่างแรง

“เป็นบ้าอะไรของนายคิมไค!” ปาร์คซีล้มทันทีเพราะแรงต่อย เขาตะโกนเสียงดังมาทางผมซึ่งกำลังหงุดหงิด มือที่กำหมัดอยู่แล้วก็เลยอยากจะต่อยอีกที แต่ก็มีอีกมือมาฉุดไว้
“หยุดนะคิมไค!” เป็นดีโอที่รั้งมือผมไว้ ร่างบางของเขามีแรงเยอะอย่างนี้เมื่อไหร่กัน แถมยังสามารถผลักผมให้พ้นทางแล้วก้มลงไปดูแผลที่มุมปากของปาร์คซีอีก

ความหงุดหงิดของผมพุ่งเป็นริ้วๆ จนต้องพูดออกมา

“เป็นห่วงกันมากสินะ ปาร์คซีเขาจ่ายให้นายเท่าไหร่ล่ะ นอนกับมันกี่ครั้งแล้ว...”

เพียะ!!

ผมหน้าหันทันทีที่มือขาวซีดนั่นตบเข้ามา มันไม่รู้สึกเจ็บเท่าไหร่แม้มุมปากจะมีเลือดซึมแต่มันชาเพราะใบหน้าของดีโอมีน้ำตาไหลเป็นทางต่างหาก

“ดีโอ นายร้องไห้?”

แล้วดีโอก็วิ่งออกจากห้องเบอร์ 6 ไปโดยมีพยอนบีที่มาดูว่าเกิดอะไรขึ้นวิ่งตามไปติดๆ


..............................................


“นายมันหมาบ้า รู้ตัวรึเปล่า”

ปาร์คซีถามขึ้นเมื่อผมอารมณ์สงบลง นัยน์ตากลมโตนั้นมีแววตำหนิเมื่อผมลงมือชกเขาไป ยอมรับว่าเมื่อกี้มันหน้ามืดเมื่อเห็นเขากอดดีโอ แต่ตอนนี้ผมกำลังกลุ้มใจไม่น้อยที่เห็นน้ำตาในใบหน้าที่อวดดีเสมอนั่น

ดีโอไม่เคยร้องไห้ให้ผมเห็นเลยจนกระทั่งวันนี้

“ฉันกับดีโอไม่ได้มีอะไรอย่างที่นายคิด ฉันคบกับเขาในฐานะเพื่อนร่วมคลาส ฉันคิดว่านายเข้าใจผิดนะคิมไค” ปาร์คซีเปิดปากเมื่อผมทำหน้าสำนึกผิดนิดๆ

“เข้าใจผิดยังไง?” ผมเลยถามเขาไป
“ดีโออาจจะเป็นเด็กเหลือขอถ้าเทียบกับพวกเรา แต่จากการที่ฉันคุยกับเขาในหลายวันมานี้ ฉันว่าเขาไม่ได้มาเข้าคลาสเราเพราะอยากเทียบชั้นกลุ่มเราแต่เขาสนใจเครื่องยนต์จริงๆ”

“ใช่ แล้วฉันก็คิดว่าเขาสนใจนายด้วย” จู่ๆ พยอนบีก็มายืนหน้าห้องตอนไหนไม่รู้ แล้วเขาก็ต่อคำพูดของปาร์คซีราวกับรู้ใจกัน

“พวกนายหมายความว่ายังไง” ผมหันไปถามทั้งคู่ทันทีที่พยอนบีขยับมายืนข้างกัน ร่างสูงของปาร์คซีโอบที่เอวของพยอนบีไว้เพื่อนตัวเล็กเลยเอามือตีไปหนึ่งที แต่หลังจากนั้นพยอนบีก็หันมาทางผม

“เมื่อกี้ฉันตามดีโอไป นายรู้อะไรมั้ยเขาเสียใจในคำพูดนายแค่ไหน?” ผมฟังแล้วก็เบิกตากว้างนิดหน่อย เขาร้องไห้เพราะผมจริงๆ ด้วย

“ไม่รู้”
“นายรู้รึเปล่าว่าดีโอสนใจเรื่องของนายมากๆ เขาต้องพยายามอ้อนวอนโปรเฟสเซอร์ให้ลงทะเบียนเรียนคลาสนี้ให้ ค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนหลายร้อยปอนด์ทำให้เขาแทบไม่ได้กินข้าวด้วยซ้ำ”

“เขาไม่ได้ใช้เงินนั่น???” หมายความว่ายังไงผมให้เงินเขาไปตั้งเยอะ ทำไมเขาจะไม่มีกินกัน เขาไม่ได้ใช้เงินที่ผมให้ไปลงทะเบียนเรียนหรอกหรือ
“ฉันยังพูดไม่จบนะ” พยอนบีพูดต่อพลางสะบัดผมแสกข้างอย่างขัดใจ “นายรู้รึเปล่าว่าเขาสนใจนายขนาดนั้นแต่ทำไมเขาไม่กล้าเข้าหานาย ปกติถ้าเป็นสาวๆ ก็มักจะเข้าถึงตัวนายแล้วใช่มั้ยล่ะ”

“เอ้อ นั่นสิ แทนที่จะเข้าหานาย เขากลับมาหาฉันเพื่อให้เล่าเรื่องนายให้ฟังแค่นั้นเอง เมื่อกี้ที่ฉันกอดเขาก็จำลองเหตุการณ์ที่ฉันกอดนายเพื่อแกล้งไงล่ะ” ปาร์คซีขัดขึ้นนั่นทำให้ผมรู้สึกโล่งใจไปนิดหน่อย ดีโอกับปาร์คซีไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ

“ปาร์คซี ขอโทษที่ต่อยนาย” ผมรู้ว่าผิดจึงขอโทษออกไป
“ไม่ใช่แค่ต้องขอโทษนะคิมไค ฉันขอรู้อะไรอีกอย่างได้ไหม เพราะพอฉันปลอบดีโอไม่ให้ร้องไห้แล้วเขาก็ฝากเงินก้อนนี้มาให้นาย” แต่กลายเป็นพยอนบีไม่ยอมรับคำขอโทษและยื่นเงินก้อนหนึ่งมาให้ผม

มันคือเงินที่ผมโยนให้กับดีโอในวันนั้น

“ถ้านายอธิบายที่มาของเงินก้อนนี้ได้ เราอาจจะช่วยให้นายกับดีโอเข้าใจกันได้นะ”
“ฉันกับดีโอไม่...” ทำไมผมต้องเข้าใจกับเขา ของเล่นนั่น

“แต่ยอมรับสิว่าเมื่อกี้นายต่อยปาร์คซีเพราะหึงไม่ใช่เหรอ?”
“หึง?”
“เล่ามาก่อนที่นายจะพลาดอะไรไป” พยอนบีมักมีอิทธิพลกับความคิดของผมเสมอ คำว่าพลาดอะไรไปกระตุ้นให้ผมต้องเล่าให้พวกเขาฟังเรื่องดีโอทั้งหมด

ความลับเรื่องของเล่นระหว่างผมกับดีโอจึงถูกเผยให้กับเพื่อนสนิททั้งสอง

“โอ พระเจ้า บอกทีสิว่านายไม่ได้ทำอย่างนั้น เขวี้ยงเงินลงกลางหัวเด็กคนนั้นแล้วไล่ไปเนี่ยนะ ทำไมฉันไม่รู้มาก่อนเนี่ย” พอเล่าจบพยอนบีก็เอามือจับหน้าผากพร้อมกับบ่นออกมา

“พวกนายไม่เคยมีของเล่นกันหรือไง?” ผมถามออกไปเมื่อคิดว่าระดับฐานะของพยอนบีและปาร์คซีน่าจะมีบ้าง

“ก็ลองมีสิ นายอาจจะต้องมาเก็บซากปาร์คซีที่วิลล่าของฉัน” กลายเป็นพยอนบีพูดออกมา

เดี๋ยวนะ

“หมายความว่ายังไง พวกนาย...คบกันเหรอ?” ผมค่อนข้างงงที่พยอนบีพูดอย่างนี้ แต่กลายเป็นปาร์คซีที่ยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาหอมแก้มพยอนบีต่อหน้าผม
“ใช่ สักพักแล้วล่ะ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกนาย อยากให้เซอร์ไพรส์น่ะ”

พยอนบีก็หอมแก้มตอบปาร์คซีเหมือนกัน โอเค ผมเข้าใจแล้วล่ะ

“พวกนายคบกันได้ไงเนี่ย ไม่คิดมาก่อน”
“ไม่รู้สิ ตั้งแต่ที่รู้สึกคิดถึงอีกคนตลอดล่ะมั้ง” ปาร์คซีตอบผมแล้วก็มองพยอนบีแบบอ่อนโยน ไม่มีแววตาล้อเล่นเหมือนเคย
“พอก่อนน่าปาร์คซี” แต่พยอนบีกลับหันหน้ามาหาผมแล้วถาม “ถามหน่อย นายคิดถึงดีโอบ้างรึเปล่า?”

คิดถึงดีโอรึเปล่าเหรอ?

เกือบทุกครั้งที่ฟีทเจอริ่งกับสาวๆ ก็คิดถึง เวลาที่ปลดปล่อยตัวเองกับไอซ์บลาสต์และบรั่นดีก็คิดถึง แม้กระทั่งตอนนี้ผมก็ยอมรับว่าเป็นห่วงไม่น้อยที่เห็นเขาร้องไห้จากไปอย่างนั้น

เดี๋ยวนะ เป็นห่วงงั้นเหรอ?

“ฉันว่านายอาจจะหลงรักดีโอแบบไม่รู้ตัวก็ได้นะ” แล้วพยอนบีก็สรุปความคิดให้ผม

หลงรักงั้นเหรอ? กับของเล่นเนี่ยนะ?

“ที่รักดูสิ คิมไคคนเก่งของเราทำหน้ามึนมากๆ เลย ผมจะถ่ายรูปลงไอจีดีมั้ยนะ” ผมกำลังคิดหนักแต่ปาร์คซีกลับกำลังล้อเล่น
“อย่าสิที่รัก คุณคงจำไม่ได้หรอกใช่มั้ยว่าฉันหนีคุณไปฮาวายบีชเพื่อให้คุณมาง้อนานเท่าไหร่ตอนที่คุณทำให้ฉันร้องไห้น่ะ”

เดี๋ยวนะ หนีไปตอนที่ร้องไห้เหรอ

“พยอนบี เมื่อกี้ดีโอเอาเงินนี่คืนให้นายแล้วเขาไปไหน?” ผมเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างได้
“ไม่รู้สิ เขาเอาเงินนี่ให้ฉันจากนั้นพูดขอบคุณ แล้วก็วิ่งหนีไปเลย”

ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้วิ่งออกไปด้วยความเร็วขนาดนั้น

“คิมไค เดี๋ยวสิ...”

ผมรู้แค่ว่าจะต้องไปตามหาดีโอก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป



....................................................................


“ไม่มีเลย ขอโทษนะคิมไค” พยอนบีบอกผมเมื่อเขาลองไปสอบถามที่เมเจอร์หลักของดีโอมา
“ไม่เป็นไรพยอนบี ขอบคุณ”

ผมนั่งเหม่อมองท้องฟ้ากว้างจากดาดฟ้าหลังจากพยอนบีมาบอก ผ่านไปกว่าสัปดาห์แล้วที่มันรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก มันมีสาเหตุจากคนคนหนึ่งที่หายไป

วันนั้นที่ผมทำให้ดีโอร้องไห้ พอรู้สึกตัวก็วิ่งไปที่หอพักระดับต่ำอย่างลืมตัว เหนื่อยจนหอบเพราะระยะทางจากคลาสมาที่นี่ไม่ใช่น้อยๆ ผมพยายามขอเข้าพบดีโอแต่ผู้คุมหอกลับให้ผมรอแล้วมาให้คำตอบในภายหลังว่าดีโอขอดรอปเรียนและกลับบ้านแล้ว

มันบอกไม่ถูกระหว่างความรู้สึกบีบลงในหัวใจแบบปวดร้าวกับความร้อนผ่าวใบหน้าเหมือนโดนต่อยมาสักสิบหมัด

ผมเพิ่งรู้ตัวว่าหลงรักเขาตอนที่เสียเขาไปแล้วจริงๆ

หลังจากนั้นผมก็พยายามถามทุกคนที่รู้จักและค้นหาทุกที่ที่ดีโอน่าจะไปแต่ก็ไร้ผล เหมือนอย่างวันนี้

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส่แต่ในใจผมมันดำมืดเพราะดีโอหายไป

ผมคิดว่าเขาคงเอาหัวใจผมไปด้วยเพราะมันรู้สึกเจ็บจนชาที่หน้าอกมานานแล้ว

“ดีนะที่ผมรู้ว่าคุณชอบไปฮาวายบีช ไม่อย่างนั้นคงต้องตายเป็นซากแห้งเหี่ยวแบบคิมไคแน่ๆ ที่รัก” จู่ๆ ปาร์คซีก็พูดขึ้นทำให้ผมฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง

“พยอนบี ทำไมถึงไปฮาวายบีชล่ะ”
“อ้าว พวกนายไม่รู้เหรอว่าดรีมไฮคอลเลจมีกิจการโรงแรมที่ฮาวายบีช นักเรียนถึงไปพักฟรีได้น่ะ”

ไปพักได้ฟรีงั้นเหรอ?

“ขอบคุณนะพยอนบี”

แล้วผมก็เก็บของใส่กระเป๋าพร้อมไปสนามบินเพื่อไปฮาวายบีชทันที



....................................................................

บรรยากาศดีดีมักเกิดขึ้นที่ฮาวายบีชเสมอ มันจึงกลายเป็นสวรรค์สำหรับคนที่อยากพักผ่อนรวมถึงคนที่อยากพักใจด้วย

ทำไมผมไม่นึกให้เร็วกว่านี้นะ

ด้วยเส้นสายของพ่อผม จึงได้รู้ว่าดีโอบินมาฮาวายบีชเมื่อสัปดาห์ก่อน และโรงแรมของดรีมไฮคอลเลจก็ได้รับเด็กคนนั้นไว้จริงๆ

พอเช็คอินที่โรงแรมเสร็จผมจึงออกมาตามหาเขาเพราะโรงแรมแจ้งว่าดีโอไม่อยู่ที่ห้องพัก

คุณอยู่ไหนดีโอ...ผมคิดถึง

ผมค่อนข้างท้อนะเมื่อเดินไปทั่วบีชแล้วก็ยังไม่เจอเงาร่างเล็กของคนที่คุ้นเคย แม้จะไปตามร้านกาแฟข้างหาดแล้วก็ยังไม่เจอเขาเลย

เขาจะหนีผมไปอีกรึเปล่า?

โบสถ์ของฮาวายบีชอาจเป็นความหวังสุดท้าย ซึ่งผมอาจจะไปขอพรให้พระเจ้าอวยพรให้ผมเจอกับดีโออีกครั้ง

ผมแค่อยากจะบอกเขาว่าผมคิดถึงเขา ผมขาดเขาไม่ได้ และแน่นอน...ผมรักเขา


แล้วผมก็รู้ว่าพระเจ้ามีอยู่จริงเมื่อเปิดประตูโบสถ์เล็กๆ ของฮาวายบีชแล้วเจอกับเงาร่างที่คุ้นเคยกำลังบรรเลงเพลงเปียโนพร้อมกับร้องคลออยู่คนเดียวหลังระเบียงชั้นลอยของโบสถ์

ใช่ ดีโออยู่ที่นี่ กำลังขับร้องเพลงที่ผมอาจไม่เคยได้ยินแต่ไพเราะจับใจเหลือเกิน

ใจจึงพาร่างกายผมไปหาเขาทันที ผมก้าวเดินไปบนบันไดแล้วก็กอดเข้าที่ร่างบางนั่นจากด้านหลัง

“ผมตามหาคุณแทบแย่” พอเอ่ยออกไปเสียงเพลงก็หยุดเหลือเพียงเสียงหัวใจของผมและของเขา

“คะ คิมไค...” ดูท่าเขาจะตกใจไม่น้อยที่ได้เจอผม
“ใช่ ผมเองที่รัก” ผมจึงตอบรับอีกครั้งเพื่อยืนยันสิ่งที่กำลังทำอยู่

แต่ดีโอกลับพยายามออกจากอ้อมกอดของผม ร่างบางสั่นระริกเมื่อผมพยายามกอดเขาไว้ให้แน่นอีก แล้วผมรู้สึกถึงน้ำตาหยดหนึ่งบนมือตัวเองที่กำลังตระกองกอดเขาไว้

“คุณ ฮึก มาทำไม...”

เขาร้องไห้อีกแล้ว ครั้งนี้ผมทำอะไรอีกล่ะ ผมงงจริงๆ งงจนปล่อยให้เขาเป็นอิสระแล้วหันหน้ามาหาผมด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา

“คุณจะมาเพื่อเยาะเย้ยเหรอคิมไค ใช่ ผมมันเด็กเหลือขอ ผมไม่มีอะไรที่คู่ควรจะไปอยู่กับพวกคุณ!

อะไรนะ?

“ผมคืนเงินให้คุณแล้ว ถือว่าจบกันแล้วไหม อย่ามาเจอกันอีก ผมทนให้คุณดูถูกไม่ไหวแล้ว”
ดีโอกอดตัวเองไว้ น้ำตาของเขาไหลอาบแก้มทำให้ผมนึกถึงวันที่ผมโยนเงินก้อนหนึ่งใส่หัวเขาอย่างไม่ไยดี ผมเพิ่งรู้ว่าผมพลาดอะไรไป ผมคงพลาดที่ไม่ได้ซับน้ำตาให้เขาในวันนั้น คนที่ผมเคยมองว่าเป็นของเล่น ที่จริงก็มีหัวใจเหมือนกัน

แล้วหัวใจของผมก็อยู่ที่เขาด้วย

“ไม่นะ ดีโอ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมเข้ากอดร่างที่กำลังสั่นระริกเพราะร้องไห้ทันทีที่พูดจบ จูบเบาๆ ที่กระหม่อมแม้เขาจะดิ้นอยู่บ้าง แต่พอผมจูบซับน้ำตาที่เปลือกตาและหางตาของเขา ผมก็อดไม่ได้ที่จะจูบกับปากรูปหัวใจที่จับผมให้อยู่หมัดนั่น

บดคลึงริมฝีปากเนียนนุ่มแล้วผมก็ใช้ลิ้นแตะๆ เพื่อขอเข้าไปข้างใน เขาอ้าปากอย่างว่าง่ายแล้วลิ้นร้อนที่โหยหาก็ออกสำรวจโพรงปากหวาน ดีโอคือของหวานของผมเสมอครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมดูดเอาน้ำหวานพร้อมกับปล่อยกลิ่นไอซ์บลาสต์เพื่อให้เขาลุ่มหลงอีกครั้ง มือน้อยที่พยายามดันหน้าอกผมตอนแรกจึงค่อยๆ คลายแล้วยกขึ้นมาลูบที่ไรหนวดตรงคางอย่างปลุกอารมณ์หนัก

จนดีโอเริ่มครางเพราะอากาศหายใจถูกพรากไปเกือบหมด เราจึงผละออกจากกันและหายใจรินรดกันแบบใกล้ที่สุดเท่าที่สองร่างจะทำได้

“ผมรักคุณนะดีโอ ผมเพิ่งจะรู้ใจตัวเองตอนที่คุณหายไป คุณทำให้ผมแทบบ้านะคนดี กลับด้วยกันนะที่รัก”

ไม่รอให้โอกาสที่เราจะอยู่ด้วยกันหายไป ผมก็รีบบอกความในใจที่เตรียมไว้ตั้งแต่มาถึงฮาวายบีช สายตาที่แน่วแน่จ้องมองดวงตากลมโตอย่างมั่นคงราวกับจะบอกว่านี่คำรักที่จริงจังที่สุดในชีวิต

ตาโตเลยเบิกกว้างหลังจากที่ได้ฟัง ผมไม่แปลกใจหรอกที่ดีโอจะตกใจขนาดนี้ ผมเองยังไม่เชื่อเลยว่าตัวเองรักเขามาก ยิ่งได้มากอดมาจูบอย่างนี้ยิ่งรู้เลยว่าขาดเขาไม่ได้

“คิมไค คุณพูดจริงเหรอ?”
“จริงครับ” ผมยืนยันพร้อมกับจ้องตาเขาอีกครั้ง

“ผม...ผม ไม่รู้สิ” แต่เขากลับก้มหน้าแล้วมีทีท่าพะวักพะวง “ผมเองก็ชอบคุณมากๆ แต่ไม่รู้สิคิมไค แค่เรื่องฐานะเราก็ต่างกันมาก แล้วเรื่องของเล่น...” ดีโอที่น่าสงสารเอามือปิดหน้าไว้เมื่อผมพยายามจะก้มหน้าดูเขา

“จะไม่มีของเล่นอะไรทั้งนั้นที่รัก มีแค่คุณและผม โอเคไหม” แต่ผมก็เอามือของเขาออกแล้วก้มจูบที่หน้าผากดีโอเพื่อปลอบ ผมคิดว่าที่ผ่านมาผมคงทำตัวไม่ดีไว้กับเขามากๆ จึงเป็นแบบนี้

“แต่...” เขายังลังเล ผมจึงเอามือแตะปากเล็กๆ นั่นแล้วพูดเสียงนุ่มที่สุดที่คิมไคคนนี้จะทำได้
“ผมขอโทษนะที่รักสำหรับเรื่องที่ผ่านมา ให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหม”
“นี่ไม่ใช่รายการซ่อนกล้องใช่ไหม ผมไม่เอานะ” ดีโอยังไม่ยอมแพ้ ผมจึงต้องยืนเอามือแผ่ออกด้านข้างให้เขาดูว่าไม่มีกล้องอะไรทั้งนั้น

ทันใดนั้นเขาก็ดึงคอเสื้อของผมให้ก้มลงมา

แล้วประทับจูบเบาบางต่อด้วยจูบหนักๆ ที่เขาพยายามเริ่มก่อน มือน้อยวางหมับบนไหล่แล้วมือของผมก็กอดเอวของเขาไว้แน่น

“ฉันก็รักนายคิมไคแบดกายของฉัน”


The End


Special part by D.O.


“ดีโอ คุณ จะ ทรมานผม อ๊า ไปถึงเมื่อไหร่” คิมไคกำลังร้องขอผมเป็นครั้งที่ร้อยแล้วล่ะมั้งตั้งแต่กลับจากฮาวาย และก็เป็นอีกครั้งที่ผมตอบเหมือนเดิม

“จนกว่าผมจะพอใจนะที่รัก” ยิ้มเย็นๆ แล้วเขาก็ทะยานไปถึงฝั่งโดยที่ผมยืนมองเฉยๆ

“แฮ่ก อย่าใจร้ายกับผมอีกเลยนะดีโอ” ซึ่งก็เหมือนกับทุกครั้งที่ผมยืนมองเขาถูก ลงโทษ อย่างสะใจ ก็ใครใช้ให้เขาทำผมร้องไห้ไปหลายวันเลยล่ะ

ใช่... วันนั้นวันที่เขาทิ้งเงินหลายร้อยปอนด์บนหัวผมแล้วไล่ให้ผมไปจากเขาซะ ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่ได้คิดแค่ว่าเป็นของเล่นแต่มันมากกว่านั้นมาตลอด

ผมร้องไห้เสียใจหลายวันที่เขาทิ้งผม เคยคิดว่าสักวันก็ต้องจากกันมันไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้วกับการเป็นของเล่น แต่ก็ใจแทบสลายเมื่อเห็นเขาจากไปกับคนอื่นแล้วทิ้งผมให้เสียใจอยู่คนเดียว

พอตั้งสติได้ก็คิดว่าจะไม่ไปให้เขาเห็นอีกแล้วแต่ใจเจ้ากรรมก็ยังคิดถึงเขาจนอยากเจออีกสักครั้ง ถึงได้บ้าบิ่นไปขอโปรเฟสเซอร์ลงทะเบียนวิชาประดับยนต์ที่ราคาแพงสุดๆ นั่น

อยากเอาเงินคืนเพราะสิ่งที่ได้มาจากการโดนทิ้งมันมีค่าจนเงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้ แต่พอเจอหน้ากันผมกลับถูกเขาดูถูกอีกครั้ง พยายามห้ามใจไม่ให้รักเขาแล้วแต่ก็ยังไม่พ้นขอให้เพื่อนเขาเล่าเรื่องคิมไคให้ฟัง แถมยังโดนดูถูกอีกจนไม่กล้าไปพบหน้าอีก

ช่วงเวลาที่อยู่ฮาวายบีช ผมเจ็บเจียนตายเลยล่ะ เพลงและเปียโนที่นั่นเท่านั้นที่ช่วยได้

แต่คิมไคก็หาผมจนเจอ แล้วผมก็รู้ว่าไม่ใช่แค่ผมคิดไปเองแต่เขาก็มีใจให้เหมือนกัน

มันเหมือนสวรรค์เมื่อเขาบอกรักผมและเราก็ตกลงคบกัน แต่ผมไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะ เด็กเหลือขอก็ต้องมีศักดิ์ศรีด้วยเหมือนกัน

“ที่รัก ผมสำนึกผิดแล้ว ต่อไปผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจอีก นะครับ” คิมไคเมื่อเห็นผมนิ่งไปก็เข้ามากอดแล้วออดอ้อนด้วยน้ำเสียงน่ารัก หึ อยากให้สาวๆ ที่คลั่งเขามาเห็นซะจริงคิมไคที่นั่งกอดอ้อนเป็นลูกแมวเนี่ย

“จริงรึเปล่า คุณสำนึกแล้วใช่มั้ย” ผมเห็นเขาทำหน้าเหมือนหมาน้อยหางตกก็สงสาร เขาไม่เคยทำตัวน่ารักขนาดนี้มาก่อน น่ารักจนผมอดไม่ได้ต้องหอมแก้มสักที

อา...กลิ่นกายของเขาหลังจากเสร็จเรื่องอย่างว่ามันหอมหวานจริงๆ

“คุณใจอ่อนแล้วใช่ไหม คืนนี้ผมขอนะที่รัก” พอเห็นผมใจอ่อนเขาก็เข้ามาไซ้คอจากด้านหลังทันที ผมเคลิ้มเพราะกลิ่นตัวเขาอยู่แล้วมันเป็นกลิ่นบรั่นดีที่เขาชอบและไอซ์บลาสต์ ก็เลยโน้มเอียงตามไม่ยาก

“เดี๋ยว คิมไค อ๊ะ” เขารุกเร็วมาก จับส่วนอ่อนไหวของผมเอาไว้ไม่ฟังคำร้องขอเลย
“ขอนะครับที่รัก ผมอดทนมานานแล้ว ปกติผมไม่เคยทนอะไรได้คุณก็รู้” เสียงทุ้มแปร่งเพราะแรงอารมณ์ของเขาทำผมแทบคลั่ง มันก็จริงที่คิมไคไม่เคยทนอะไร แต่เขากลับอดทนไม่ทำอะไรผมมานานแล้ว

คงถึงเวลายกโทษให้พ่อแบดกายแล้ว

มือผมจึงจับมือเขาออกแล้วพลิกตัวเองกลับไปนั่งคร่อมเขาไว้ คิมไคเลิกคิ้วนิดหน่อยผมก็ก้มจูบเขาสอดลิ้นเข้าไปปลุกเร้าแล้วถูก้นกับหน้าขาอีกทางเพื่อยั่วยวน

“คุณจะมีเสน่ห์เกินไปละนะลูกแมวน้อยของผม” คิมไคพูดขึ้นเมื่อผมผละปากออกมา
“ตอบแทนที่คุณรักผมและอดทนเพื่อผมน่ะ”
“ผมรักคุณดีโอ”
“ผมก็รักคุณคิมไค”

หลังจากบอกรักกันผมและคิมไคก็โหมกระหน่ำเพลงรักที่ผมเป็นคนเริ่มและเขาเป็นคนจบเพลง คิมไคแบดกายเป็นของผมโดยสมบูรณ์แล้ว

End of Special part

…………………………………………………………………………………….
จบละจ้า
ขอบคุณที่มาอ่านนะ ชอบไม่ชอบก็แท็ก #kimkaibadguy #noeybdsf
เจอกันเรื่องหน้าจ้า
ปล.เรื่องนี้จะไปแจกงานสำคัญไคซูด้วย อิอิ และจะมี special เพิ่มด้วย
เยิฟ
,พี่เนย @noeybaekbd


No comments:

Post a Comment