[SF] Kim Kai Bad Guy – KaiDo [EXO][NC-17] – End
#kimkaibadguy #noeybdsf
Kim Kai Bad Guy –
2[End]
Kimkai’s part…
ไม่เคยคิดว่าของเล่นจะทำให้ผมคิดมากอย่างนี้
คิมไครูปหล่อพ่อรวยเงินเยอะเรียนเก่งและมีซิกแพ็คดึงดูดสาวๆ
อยู่เสมอกลับต้องมาคิดถึงคนคนหนึ่งซึ่งไม่สำคัญอะไรกับชีวิตเลย
ใช่...
ดีโอก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่งของผมเท่านั้น เขาไม่สำคัญอะไรเลย
“คิดอะไรอยู่คะที่รัก ฉัน โอ้ว
จะไม่ไหวแล้วนะ” อลิซาเบธที่อยู่ใต้ร่างผมครวญนิดหน่อยเมื่อจังหวะสะดุด อา...
นี่ผมเผลอคิดถึงดีโอตอนจะเข้าด้ายเข้าเข็มอีกแล้ว
“อ้ะ คิมไค อ๊ะ ฉัน รัก คุณ โอ้ว
ที่รัก”
ทำไมเสียงของเธอถึงไม่กระตุ้นอะไรเลยล่ะ
ใจผมกลับคิดถึงเสียงของเล่นชิ้นเก่ามากกว่า
ดีโอไม่ร้องถี่ขนาดนี้แต่มันทำให้ผมปลดปล่อยได้สำเร็จเสมอ
เขาไม่เคยบอกรักผมเหมือนพวกสาวๆ
ทำกัน แต่เสียงร้องของเขาที่ชอบขัดใจผมมักจะกระตุ้นอารมณ์ดิบได้ผลที่สุด
“อ่าส์ เยี่ยมมาก ดีโอ” แล้วผมก็ถึงจุดหมายเมื่อนึกถึงเสียงของเขาในห้วงความคิด
“คุณว่าอะไรนะ”
หากแต่อลิซาเบธอาจหูดีไปหน่อยที่ได้ยิน
“ไม่มีครับที่รัก เอ้อ
พรุ่งนี้คุณไม่ต้องมาแล้วนะ” ผมพูดแล้วก็ไม่รอคำตอบอะไรจากคนที่ไม่น่าสนใจแล้ว
คว้ากางเกงยีนส์ได้ก็ขึ้นไปข้างบนดีกว่า
เสร็จจากกิจกรรมบนเตียงผมมักจะมาสูบบุหรี่ที่ชั้นดาดฟ้าของวิลล่าเสมอ
เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้วที่ ‘ของเล่น’ ใหม่ๆ
ไม่เร้าใจเท่าที่ควร จนผมต้องเปลี่ยนเกือบทุกวัน
อ้อ แพทริเซียน่ะ
เธอเห็นผมไม่ค่อยสนใจเธอเท่าไหร่ก็ไปหาคนใหม่แล้ว
บุหรี่กลิ่นไอซ์บลาสต์มวนที่สองถูกจุดขึ้นพร้อมกับอารมณ์ที่ไม่คงที่ของผม
มันให้ความรู้สึกหอมเย็นเหมือนทุกครั้งที่ได้สูบ ยิ่งมีบรั่นดีปี 1993
ใส่น้ำแข็งหนึ่งก้อนดื่มด้วยแล้ว ปกตินี่คือสวรรค์ของผมเชียวล่ะ
ยกเว้นก็แต่วันนี้ ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรติดค้างบางอย่างที่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
ผมไม่ใช่ลูกคนรวยที่ไม่มีสมอง
ตรงกันข้ามผมคิดว่าไอคิวผมสูงกว่ามาตรฐานทั่วไปด้วยซ้ำ ผมสามารถดื่ม กิน
เที่ยวและควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าตามที่ใจปรารถนา
ในขณะเดียวกันความสามารถในการเรียนของผมก็อยู่ในระดับต้นๆ ของคอลเลจแห่งนี้
แถมยังมีเวลาว่างพอจะมาตกแต่งซุปเปอร์ไบค์และซุปเปอร์คาร์ซึ่งเป็นของเล่นชิ้นโปรดด้วย
ของเล่นชิ้นโปรดงั้นเหรอ?
ดีโอคือของเล่นชิ้นโปรดรึเปล่า
ทำไมผมถึงไม่ลืมเขาสักที
...................................................
ดรีมไฮคอลเลจมีวิชาหลากหลายให้นักศึกษาได้เลือกสรรเสมอ
มันมีตั้งแต่วิชาพื้นฐานเช่น เคมี ฟิสิกส์ ภาษา วรรณกรรม
หรือสเปซิฟิกมากขึ้นอย่างเช่นการซ่อมแซมเครื่องบินและประดับยนต์
แน่นอนว่าคนที่ชื่นชอบการตกแต่งปรับเครื่องยนต์อย่างคิมไคต้องลงวิชานี้อยู่แล้ว
หลังจากลงชื่อเข้าคลาสประดับยนต์แล้วก็ตรงเข้าไปที่โรงประดับยนต์หมายเลขหนึ่งทันที
ผมไม่จำเป็นต้องทักทายใครที่เข้ามาโรงประดับยนต์เดียวกันเพราะมันไม่สำคัญ
“ว่าว
วันนี้คิมไคของเราหน้าตาบูดบึ้งจริงๆ”
อา...
ลืมคิดไปว่ามีคนหนึ่งที่ไม่เคยละความพยายามในการทักทายผมเลย
“ฉันจำไม่เห็นได้นะปาร์คซี
ว่าเคยทำหน้าตาดีกว่านี้ใส่นาย” ปาร์คซีมักจะกวนใจผมเสมอ แต่ก็ตามที่พูดแหละ
ผมก็ทำหน้าตาอย่างนี้ตลอด
“ยังใจร้ายกับฉันเสมอนะพวก
แต่จะบอกให้คิ้วนายขมวดขึ้น 0.5 เซนติเมตร”
เขาพูดแล้วก็เอานิ้วมาจิ้มที่หว่างคิ้วของผมซึ่งก็เป็นเหมือนทุกที ผมปัดมือเขาออก
“ยุ่งน่า”
“แน่ใจนะว่านายไม่อยากรู้ว่าใครมาเข้าคลาสของเราแถมมาใช้โรงประดับยนต์ของเราด้วยในวันนี้”
เมื่อเห็นผมไม่สนใจ ปาร์คซีก็พูดขึ้นมาลอยๆ อย่างกับว่าผมจะสนใจงั้นล่ะ
“เหมือนเขาจะเคยขโมยดูคาติคันโปรดของนายไปนะ”
“หืม?”
“เขาชื่อดีโอล่ะ
ฉันไปทำความรู้จักมาแล้ว” แล้วปาร์คซีก็ฉายยิ้มเมื่อเห็นผมสนใจ
“เขาอยู่ไหน?”
“ว่าวววว
นายสนใจเด็กเหลือขอที่อยู่หอพักระดับต่ำสุดด้วยเหรอเนี่ย?” ปาร์คซีเลิกคิ้วเมื่อผมจับเข้าที่คอเสื้อเขาเพื่อถามว่าดีโออยู่ไหน
อ่า น้ำเสียงผมคงดูคาดคั้นเกินไป ปาร์คซีเลยทำหน้าเครียดเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วบอกคำตอบเรียบง่ายออกมา
“อยู่กับพยอนบีที่ห้อง 12 น่ะ”
“ขอบใจ”
พูดแล้วก็ปล่อยมือออกจากคอเสื้อปาร์คซีเพื่อไปห้องเบอร์ 12 ทันที
ดรีมไฮคอลเลจมีวิชาเฉพาะก็จริงแต่การลงทะเบียนเรียนมันต้องใช้เงินที่มากกว่าวิชาสามัญมากนัก
แน่นอนว่ามันก็เป็นเพราะการซื้ออุปกรณ์และค่าใช้จ่ายต่างๆ
ของวิชาเฉพาะมีราคาแพง การลงทะเบียนเรียนวิชาเหล่านั้นถึงแพงตาม
สำหรับผมและปาร์คซีมันไม่ลำบากมากนักที่จะลงเรียนวิชาประดับยนต์
หนึ่งในวิชาที่ค่าลงทะเบียนแพงที่สุดของดรีมไฮคอลเลจ แต่ทำไมคนอย่างดีโอถึงลงวิชานี้ด้วย
ตึง!
ผมเปิดประตูอย่างแรงเมื่อถึงห้องเบอร์
12
“อ้าว คิมไคสวัสดี”
ชายรูปร่างบอบบางหน้าตาสวยนัยน์ตาเรียวทักทายผมทันที เขาคือพยอนบีเพื่อนของผมคนหนึ่ง
และที่นั่งข้างเขากำลังศึกษาอุปกรณ์ต่างๆ
ในห้องคือดีโอ
ใช่ ดีโอคนที่เคยเป็นของเล่นของผมมาก่อน
“นายรู้จักดีโอรึยังล่ะคิมไค
เขาน่ารักมากนะ เฮ้!” ผมตรงเข้าไปหนีบแขนดีโอเพื่อให้ออกมาคุยกันหน้าห้อง
แต่มันคงดูก้าวร้าวไปหน่อยพยอนบีถึงได้ตกใจแล้วร้องทัก
แต่ผมไม่สนหรอก
ผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับดีโอ
“ปล่อยผมนะ”
ผมลากดีโอเข้ามาที่ห้องเบอร์ 8
ที่ว่างอยู่พร้อมกับล็อกประตูทันที แต่เขาก็พยายามสะบัดมือออกแล้วทำท่าจะออกห้องไป
ผมจึงเดินไปดึงเขามาชิดกำแพงข้างหนึ่งแล้วเอามือสองข้างค้ำไว้ไม่ให้เขาหนี
“นายคิดจะทำอะไร?”
ผมระเบิดคำถามที่มีทันที
“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”
ดีโอพูดแล้วหลบตาผมทันที
“นายเอาเงินที่ไหนมาลงทะเบียนเรียนวิชานี้”
“คุณไม่เกี่ยว อ๊ะ”
ผมทนไม่ไหวแล้วที่เขาพูดแบบนี้
ปากเล็กๆ นั่นต้องได้รับการสั่งสอนสักหน่อย ผมจึงทั้งบดเบียดและกัดให้มีเลือดเพื่อให้เพียงพอกับที่เขามาปั่นหัวผมเล่นอย่างนี้
ใช่... เขาเอาเงินที่ผม ‘โยน’ ให้วันก่อนมาลงทะเบียนเรียนคลาสนี้
มันจะพ้นเหตุผลอะไรอีกถ้าเขาอยากจะเข้ามาอยู่ในสายตาผม อยากจะได้เงินผมอีกครั้ง
เด็กเหลือขอยังไงก็เป็นเด็กเหลือขออย่างนั้น
“ไปยกเลิกคลาสซะ
ฉันรู้ว่านายมาเรียนคลาสนี้ทำไม”
“ไม่ คุณไม่มีสิทธิ์มาห้ามผม”
“ฉันมีสิทธิ์ห้ามนายเพราะนายเป็นของเล่นของฉัน!”
ผมระเบิดคำพูดใส่เขาเมื่อเขาเถียง
รู้สึกหน้ามืดโมโหอย่างหนักทำไมก็ไม่รู้เมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีสิทธิ์
นัยน์ตาของผมตอนนี้คงมีแสงเพลิงอยู่แน่ๆ ในเมื่อขอบตาของผมร้อนผ่าวไปหมด
“คุณทิ้งผมแล้ว จำไม่ได้เหรอ”
ผมอึ้งไปเลยเมื่อเขาพูดแบบนั้น
ใช่...ผมทิ้งของเล่นชิ้นนี้แล้ว ผมไม่มีสิทธิ์อะไรแล้ว...
มือขาวซีดขยับมือผมที่ค้ำเขาอยู่
ดวงตากลมโตของดีโอส่งสายตามาให้ผมแบบแปลกๆ
มันเหมือนมีน้ำตาอยู่ในนั้นแต่ก็ดูจริงจังมุ่งมั่นพอสมควรที่จะผลักผมออกไป เราจ้องตากันสักพักเขาก็หลุดจากการจองจำของผมแล้วออกจากห้องไป
ทิ้งไว้ให้ผมจมอยู่กับความคิดที่ว่าผม...ทิ้งเขางั้นเหรอ?
............................................
“ใช่มั้ยล่ะ ดีโอ
เขาน่ะเป็นอย่างนั้นเสมอแหละ”
“อื้ม”
“แล้วไม่พอนะ
พอฉันเข้าไปทำท่าจะกอดเขาน่ะ อย่างนี้เลย”
“ยังไง”
“เดี๋ยวสาธิตให้ดู อย่างนี้ๆ”
ผมรู้สึกรำคาญไม่น้อยเมื่อกำลังเดินผ่านห้องเบอร์
6(มีห้อยเลข 1 ด้วยปาร์คซีเอามาติดเอง)ของโรงประดับยนต์หมายเลขหนึ่ง
ในนั้นคือดีโอที่มานั่งดูปาร์คซีโม้อะไรไม่เข้าท่าพร้อมกับหัวเราะกันสองคนดูสนุกสนาน
มีความสุขดีสินะ หึ
ผมไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นหรอก
แต่เพราะปาร์คซีน่ะชอบแกล้งผม มันคงไม่ผิดหากผมจะขัดจังหวะเขาบ้าง ก็เลยตัดสินใจเข้าไปในห้อง
“นี่ไงๆ ดีโอ ฉันเข้าไปอย่างนี้นะ
แล้วคิดสิว่าคิมไคเขายังไงต่อ”
แต่พอผมเข้าห้องเบอร์ 6(1) ไป ปาร์คซีก็กำลังกอดดีโออย่างสนิทสนม
คางได้รูปเกยเข้าที่ไหล่มน ส่วนคนที่โดนกอดอย่างดีโอก็หน้าแดง
เอียงหน้าอายและเอาแขนกันไว้อย่างหลวมๆ
มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด
หงุดหงิดจนต้องเข้าไปกระชากตัวดีโอให้ออกจากอ้อมกอดนั่นแล้วต่อยเข้าที่แก้มของปาร์คซีอย่างแรง
“เป็นบ้าอะไรของนายคิมไค!” ปาร์คซีล้มทันทีเพราะแรงต่อย
เขาตะโกนเสียงดังมาทางผมซึ่งกำลังหงุดหงิด มือที่กำหมัดอยู่แล้วก็เลยอยากจะต่อยอีกที
แต่ก็มีอีกมือมาฉุดไว้
“หยุดนะคิมไค!”
เป็นดีโอที่รั้งมือผมไว้ ร่างบางของเขามีแรงเยอะอย่างนี้เมื่อไหร่กัน
แถมยังสามารถผลักผมให้พ้นทางแล้วก้มลงไปดูแผลที่มุมปากของปาร์คซีอีก
ความหงุดหงิดของผมพุ่งเป็นริ้วๆ
จนต้องพูดออกมา
“เป็นห่วงกันมากสินะ ปาร์คซีเขาจ่ายให้นายเท่าไหร่ล่ะ
นอนกับมันกี่ครั้งแล้ว...”
เพียะ!!
ผมหน้าหันทันทีที่มือขาวซีดนั่นตบเข้ามา
มันไม่รู้สึกเจ็บเท่าไหร่แม้มุมปากจะมีเลือดซึมแต่มันชาเพราะใบหน้าของดีโอมีน้ำตาไหลเป็นทางต่างหาก
“ดีโอ นายร้องไห้?”
แล้วดีโอก็วิ่งออกจากห้องเบอร์ 6
ไปโดยมีพยอนบีที่มาดูว่าเกิดอะไรขึ้นวิ่งตามไปติดๆ
..............................................
“นายมันหมาบ้า รู้ตัวรึเปล่า”
ปาร์คซีถามขึ้นเมื่อผมอารมณ์สงบลง
นัยน์ตากลมโตนั้นมีแววตำหนิเมื่อผมลงมือชกเขาไป
ยอมรับว่าเมื่อกี้มันหน้ามืดเมื่อเห็นเขากอดดีโอ
แต่ตอนนี้ผมกำลังกลุ้มใจไม่น้อยที่เห็นน้ำตาในใบหน้าที่อวดดีเสมอนั่น
ดีโอไม่เคยร้องไห้ให้ผมเห็นเลยจนกระทั่งวันนี้
“ฉันกับดีโอไม่ได้มีอะไรอย่างที่นายคิด
ฉันคบกับเขาในฐานะเพื่อนร่วมคลาส ฉันคิดว่านายเข้าใจผิดนะคิมไค” ปาร์คซีเปิดปากเมื่อผมทำหน้าสำนึกผิดนิดๆ
“เข้าใจผิดยังไง?” ผมเลยถามเขาไป
“ดีโออาจจะเป็นเด็กเหลือขอถ้าเทียบกับพวกเรา
แต่จากการที่ฉันคุยกับเขาในหลายวันมานี้
ฉันว่าเขาไม่ได้มาเข้าคลาสเราเพราะอยากเทียบชั้นกลุ่มเราแต่เขาสนใจเครื่องยนต์จริงๆ”
“ใช่
แล้วฉันก็คิดว่าเขาสนใจนายด้วย” จู่ๆ พยอนบีก็มายืนหน้าห้องตอนไหนไม่รู้
แล้วเขาก็ต่อคำพูดของปาร์คซีราวกับรู้ใจกัน
“พวกนายหมายความว่ายังไง”
ผมหันไปถามทั้งคู่ทันทีที่พยอนบีขยับมายืนข้างกัน ร่างสูงของปาร์คซีโอบที่เอวของพยอนบีไว้เพื่อนตัวเล็กเลยเอามือตีไปหนึ่งที
แต่หลังจากนั้นพยอนบีก็หันมาทางผม
“เมื่อกี้ฉันตามดีโอไป
นายรู้อะไรมั้ยเขาเสียใจในคำพูดนายแค่ไหน?” ผมฟังแล้วก็เบิกตากว้างนิดหน่อย
เขาร้องไห้เพราะผมจริงๆ ด้วย
“ไม่รู้”
“นายรู้รึเปล่าว่าดีโอสนใจเรื่องของนายมากๆ
เขาต้องพยายามอ้อนวอนโปรเฟสเซอร์ให้ลงทะเบียนเรียนคลาสนี้ให้
ค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนหลายร้อยปอนด์ทำให้เขาแทบไม่ได้กินข้าวด้วยซ้ำ”
“เขาไม่ได้ใช้เงินนั่น???” หมายความว่ายังไงผมให้เงินเขาไปตั้งเยอะ
ทำไมเขาจะไม่มีกินกัน เขาไม่ได้ใช้เงินที่ผมให้ไปลงทะเบียนเรียนหรอกหรือ
“ฉันยังพูดไม่จบนะ” พยอนบีพูดต่อพลางสะบัดผมแสกข้างอย่างขัดใจ
“นายรู้รึเปล่าว่าเขาสนใจนายขนาดนั้นแต่ทำไมเขาไม่กล้าเข้าหานาย ปกติถ้าเป็นสาวๆ
ก็มักจะเข้าถึงตัวนายแล้วใช่มั้ยล่ะ”
“เอ้อ นั่นสิ แทนที่จะเข้าหานาย
เขากลับมาหาฉันเพื่อให้เล่าเรื่องนายให้ฟังแค่นั้นเอง
เมื่อกี้ที่ฉันกอดเขาก็จำลองเหตุการณ์ที่ฉันกอดนายเพื่อแกล้งไงล่ะ” ปาร์คซีขัดขึ้นนั่นทำให้ผมรู้สึกโล่งใจไปนิดหน่อย
ดีโอกับปาร์คซีไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ
“ปาร์คซี ขอโทษที่ต่อยนาย” ผมรู้ว่าผิดจึงขอโทษออกไป
“ไม่ใช่แค่ต้องขอโทษนะคิมไค
ฉันขอรู้อะไรอีกอย่างได้ไหม เพราะพอฉันปลอบดีโอไม่ให้ร้องไห้แล้วเขาก็ฝากเงินก้อนนี้มาให้นาย”
แต่กลายเป็นพยอนบีไม่ยอมรับคำขอโทษและยื่นเงินก้อนหนึ่งมาให้ผม
มันคือเงินที่ผมโยนให้กับดีโอในวันนั้น
“ถ้านายอธิบายที่มาของเงินก้อนนี้ได้
เราอาจจะช่วยให้นายกับดีโอเข้าใจกันได้นะ”
“ฉันกับดีโอไม่...”
ทำไมผมต้องเข้าใจกับเขา ของเล่นนั่น
“แต่ยอมรับสิว่าเมื่อกี้นายต่อยปาร์คซีเพราะหึงไม่ใช่เหรอ?”
“หึง?”
“เล่ามาก่อนที่นายจะพลาดอะไรไป” พยอนบีมักมีอิทธิพลกับความคิดของผมเสมอ
คำว่าพลาดอะไรไปกระตุ้นให้ผมต้องเล่าให้พวกเขาฟังเรื่องดีโอทั้งหมด
ความลับเรื่องของเล่นระหว่างผมกับดีโอจึงถูกเผยให้กับเพื่อนสนิททั้งสอง
“โอ พระเจ้า
บอกทีสิว่านายไม่ได้ทำอย่างนั้น เขวี้ยงเงินลงกลางหัวเด็กคนนั้นแล้วไล่ไปเนี่ยนะ
ทำไมฉันไม่รู้มาก่อนเนี่ย” พอเล่าจบพยอนบีก็เอามือจับหน้าผากพร้อมกับบ่นออกมา
“พวกนายไม่เคยมีของเล่นกันหรือไง?”
ผมถามออกไปเมื่อคิดว่าระดับฐานะของพยอนบีและปาร์คซีน่าจะมีบ้าง
“ก็ลองมีสิ นายอาจจะต้องมาเก็บซากปาร์คซีที่วิลล่าของฉัน”
กลายเป็นพยอนบีพูดออกมา
เดี๋ยวนะ
“หมายความว่ายังไง พวกนาย...คบกันเหรอ?”
ผมค่อนข้างงงที่พยอนบีพูดอย่างนี้ แต่กลายเป็นปาร์คซีที่ยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาหอมแก้มพยอนบีต่อหน้าผม
“ใช่ สักพักแล้วล่ะ
ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกนาย อยากให้เซอร์ไพรส์น่ะ”
พยอนบีก็หอมแก้มตอบปาร์คซีเหมือนกัน
โอเค ผมเข้าใจแล้วล่ะ
“พวกนายคบกันได้ไงเนี่ย
ไม่คิดมาก่อน”
“ไม่รู้สิ
ตั้งแต่ที่รู้สึกคิดถึงอีกคนตลอดล่ะมั้ง” ปาร์คซีตอบผมแล้วก็มองพยอนบีแบบอ่อนโยน
ไม่มีแววตาล้อเล่นเหมือนเคย
“พอก่อนน่าปาร์คซี” แต่พยอนบีกลับหันหน้ามาหาผมแล้วถาม
“ถามหน่อย นายคิดถึงดีโอบ้างรึเปล่า?”
คิดถึงดีโอรึเปล่าเหรอ?
เกือบทุกครั้งที่ฟีทเจอริ่งกับสาวๆ
ก็คิดถึง เวลาที่ปลดปล่อยตัวเองกับไอซ์บลาสต์และบรั่นดีก็คิดถึง
แม้กระทั่งตอนนี้ผมก็ยอมรับว่าเป็นห่วงไม่น้อยที่เห็นเขาร้องไห้จากไปอย่างนั้น
เดี๋ยวนะ เป็นห่วงงั้นเหรอ?
“ฉันว่านายอาจจะหลงรักดีโอแบบไม่รู้ตัวก็ได้นะ”
แล้วพยอนบีก็สรุปความคิดให้ผม
หลงรักงั้นเหรอ? กับของเล่นเนี่ยนะ?
“ที่รักดูสิ
คิมไคคนเก่งของเราทำหน้ามึนมากๆ เลย ผมจะถ่ายรูปลงไอจีดีมั้ยนะ” ผมกำลังคิดหนักแต่ปาร์คซีกลับกำลังล้อเล่น
“อย่าสิที่รัก
คุณคงจำไม่ได้หรอกใช่มั้ยว่าฉันหนีคุณไปฮาวายบีชเพื่อให้คุณมาง้อนานเท่าไหร่ตอนที่คุณทำให้ฉันร้องไห้น่ะ”
เดี๋ยวนะ หนีไปตอนที่ร้องไห้เหรอ
“พยอนบี
เมื่อกี้ดีโอเอาเงินนี่คืนให้นายแล้วเขาไปไหน?” ผมเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างได้
“ไม่รู้สิ
เขาเอาเงินนี่ให้ฉันจากนั้นพูดขอบคุณ แล้วก็วิ่งหนีไปเลย”
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้วิ่งออกไปด้วยความเร็วขนาดนั้น
“คิมไค เดี๋ยวสิ...”
ผมรู้แค่ว่าจะต้องไปตามหาดีโอก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป
....................................................................
“ไม่มีเลย ขอโทษนะคิมไค” พยอนบีบอกผมเมื่อเขาลองไปสอบถามที่เมเจอร์หลักของดีโอมา
“ไม่เป็นไรพยอนบี ขอบคุณ”
ผมนั่งเหม่อมองท้องฟ้ากว้างจากดาดฟ้าหลังจากพยอนบีมาบอก
ผ่านไปกว่าสัปดาห์แล้วที่มันรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก
มันมีสาเหตุจากคนคนหนึ่งที่หายไป
วันนั้นที่ผมทำให้ดีโอร้องไห้
พอรู้สึกตัวก็วิ่งไปที่หอพักระดับต่ำอย่างลืมตัว
เหนื่อยจนหอบเพราะระยะทางจากคลาสมาที่นี่ไม่ใช่น้อยๆ
ผมพยายามขอเข้าพบดีโอแต่ผู้คุมหอกลับให้ผมรอแล้วมาให้คำตอบในภายหลังว่าดีโอขอดรอปเรียนและกลับบ้านแล้ว
มันบอกไม่ถูกระหว่างความรู้สึกบีบลงในหัวใจแบบปวดร้าวกับความร้อนผ่าวใบหน้าเหมือนโดนต่อยมาสักสิบหมัด
ผมเพิ่งรู้ตัวว่าหลงรักเขาตอนที่เสียเขาไปแล้วจริงๆ
หลังจากนั้นผมก็พยายามถามทุกคนที่รู้จักและค้นหาทุกที่ที่ดีโอน่าจะไปแต่ก็ไร้ผล
เหมือนอย่างวันนี้
วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส่แต่ในใจผมมันดำมืดเพราะดีโอหายไป
ผมคิดว่าเขาคงเอาหัวใจผมไปด้วยเพราะมันรู้สึกเจ็บจนชาที่หน้าอกมานานแล้ว
“ดีนะที่ผมรู้ว่าคุณชอบไปฮาวายบีช
ไม่อย่างนั้นคงต้องตายเป็นซากแห้งเหี่ยวแบบคิมไคแน่ๆ ที่รัก” จู่ๆ ปาร์คซีก็พูดขึ้นทำให้ผมฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง
“พยอนบี ทำไมถึงไปฮาวายบีชล่ะ”
“อ้าว พวกนายไม่รู้เหรอว่าดรีมไฮคอลเลจมีกิจการโรงแรมที่ฮาวายบีช
นักเรียนถึงไปพักฟรีได้น่ะ”
ไปพักได้ฟรีงั้นเหรอ?
“ขอบคุณนะพยอนบี”
แล้วผมก็เก็บของใส่กระเป๋าพร้อมไปสนามบินเพื่อไปฮาวายบีชทันที
....................................................................
บรรยากาศดีดีมักเกิดขึ้นที่ฮาวายบีชเสมอ
มันจึงกลายเป็นสวรรค์สำหรับคนที่อยากพักผ่อนรวมถึงคนที่อยากพักใจด้วย
ทำไมผมไม่นึกให้เร็วกว่านี้นะ
ด้วยเส้นสายของพ่อผม
จึงได้รู้ว่าดีโอบินมาฮาวายบีชเมื่อสัปดาห์ก่อน
และโรงแรมของดรีมไฮคอลเลจก็ได้รับเด็กคนนั้นไว้จริงๆ
พอเช็คอินที่โรงแรมเสร็จผมจึงออกมาตามหาเขาเพราะโรงแรมแจ้งว่าดีโอไม่อยู่ที่ห้องพัก
คุณอยู่ไหนดีโอ...ผมคิดถึง
ผมค่อนข้างท้อนะเมื่อเดินไปทั่วบีชแล้วก็ยังไม่เจอเงาร่างเล็กของคนที่คุ้นเคย
แม้จะไปตามร้านกาแฟข้างหาดแล้วก็ยังไม่เจอเขาเลย
เขาจะหนีผมไปอีกรึเปล่า?
โบสถ์ของฮาวายบีชอาจเป็นความหวังสุดท้าย
ซึ่งผมอาจจะไปขอพรให้พระเจ้าอวยพรให้ผมเจอกับดีโออีกครั้ง
ผมแค่อยากจะบอกเขาว่าผมคิดถึงเขา
ผมขาดเขาไม่ได้ และแน่นอน...ผมรักเขา
แล้วผมก็รู้ว่าพระเจ้ามีอยู่จริงเมื่อเปิดประตูโบสถ์เล็กๆ
ของฮาวายบีชแล้วเจอกับเงาร่างที่คุ้นเคยกำลังบรรเลงเพลงเปียโนพร้อมกับร้องคลออยู่คนเดียวหลังระเบียงชั้นลอยของโบสถ์
ใช่ ดีโออยู่ที่นี่
กำลังขับร้องเพลงที่ผมอาจไม่เคยได้ยินแต่ไพเราะจับใจเหลือเกิน
ใจจึงพาร่างกายผมไปหาเขาทันที
ผมก้าวเดินไปบนบันไดแล้วก็กอดเข้าที่ร่างบางนั่นจากด้านหลัง
“ผมตามหาคุณแทบแย่”
พอเอ่ยออกไปเสียงเพลงก็หยุดเหลือเพียงเสียงหัวใจของผมและของเขา
“คะ คิมไค...”
ดูท่าเขาจะตกใจไม่น้อยที่ได้เจอผม
“ใช่ ผมเองที่รัก”
ผมจึงตอบรับอีกครั้งเพื่อยืนยันสิ่งที่กำลังทำอยู่
แต่ดีโอกลับพยายามออกจากอ้อมกอดของผม
ร่างบางสั่นระริกเมื่อผมพยายามกอดเขาไว้ให้แน่นอีก
แล้วผมรู้สึกถึงน้ำตาหยดหนึ่งบนมือตัวเองที่กำลังตระกองกอดเขาไว้
“คุณ ฮึก มาทำไม...”
เขาร้องไห้อีกแล้ว
ครั้งนี้ผมทำอะไรอีกล่ะ ผมงงจริงๆ
งงจนปล่อยให้เขาเป็นอิสระแล้วหันหน้ามาหาผมด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา
“คุณจะมาเพื่อเยาะเย้ยเหรอคิมไค ใช่
ผมมันเด็กเหลือขอ ผมไม่มีอะไรที่คู่ควรจะไปอยู่กับพวกคุณ!”
อะไรนะ?
“ผมคืนเงินให้คุณแล้ว
ถือว่าจบกันแล้วไหม อย่ามาเจอกันอีก ผมทนให้คุณดูถูกไม่ไหวแล้ว”
ดีโอกอดตัวเองไว้ น้ำตาของเขาไหลอาบแก้มทำให้ผมนึกถึงวันที่ผมโยนเงินก้อนหนึ่งใส่หัวเขาอย่างไม่ไยดี
ผมเพิ่งรู้ว่าผมพลาดอะไรไป ผมคงพลาดที่ไม่ได้ซับน้ำตาให้เขาในวันนั้น
คนที่ผมเคยมองว่าเป็นของเล่น ที่จริงก็มีหัวใจเหมือนกัน
แล้วหัวใจของผมก็อยู่ที่เขาด้วย
“ไม่นะ ดีโอ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
ผมเข้ากอดร่างที่กำลังสั่นระริกเพราะร้องไห้ทันทีที่พูดจบ จูบเบาๆ
ที่กระหม่อมแม้เขาจะดิ้นอยู่บ้าง แต่พอผมจูบซับน้ำตาที่เปลือกตาและหางตาของเขา
ผมก็อดไม่ได้ที่จะจูบกับปากรูปหัวใจที่จับผมให้อยู่หมัดนั่น
บดคลึงริมฝีปากเนียนนุ่มแล้วผมก็ใช้ลิ้นแตะๆ
เพื่อขอเข้าไปข้างใน
เขาอ้าปากอย่างว่าง่ายแล้วลิ้นร้อนที่โหยหาก็ออกสำรวจโพรงปากหวาน
ดีโอคือของหวานของผมเสมอครั้งนี้ก็เช่นกัน
ผมดูดเอาน้ำหวานพร้อมกับปล่อยกลิ่นไอซ์บลาสต์เพื่อให้เขาลุ่มหลงอีกครั้ง
มือน้อยที่พยายามดันหน้าอกผมตอนแรกจึงค่อยๆ คลายแล้วยกขึ้นมาลูบที่ไรหนวดตรงคางอย่างปลุกอารมณ์หนัก
จนดีโอเริ่มครางเพราะอากาศหายใจถูกพรากไปเกือบหมด
เราจึงผละออกจากกันและหายใจรินรดกันแบบใกล้ที่สุดเท่าที่สองร่างจะทำได้
“ผมรักคุณนะดีโอ
ผมเพิ่งจะรู้ใจตัวเองตอนที่คุณหายไป คุณทำให้ผมแทบบ้านะคนดี กลับด้วยกันนะที่รัก”
ไม่รอให้โอกาสที่เราจะอยู่ด้วยกันหายไป
ผมก็รีบบอกความในใจที่เตรียมไว้ตั้งแต่มาถึงฮาวายบีช
สายตาที่แน่วแน่จ้องมองดวงตากลมโตอย่างมั่นคงราวกับจะบอกว่านี่คำรักที่จริงจังที่สุดในชีวิต
ตาโตเลยเบิกกว้างหลังจากที่ได้ฟัง
ผมไม่แปลกใจหรอกที่ดีโอจะตกใจขนาดนี้ ผมเองยังไม่เชื่อเลยว่าตัวเองรักเขามาก
ยิ่งได้มากอดมาจูบอย่างนี้ยิ่งรู้เลยว่าขาดเขาไม่ได้
“คิมไค คุณพูดจริงเหรอ?”
“จริงครับ”
ผมยืนยันพร้อมกับจ้องตาเขาอีกครั้ง
“ผม...ผม ไม่รู้สิ”
แต่เขากลับก้มหน้าแล้วมีทีท่าพะวักพะวง “ผมเองก็ชอบคุณมากๆ แต่ไม่รู้สิคิมไค
แค่เรื่องฐานะเราก็ต่างกันมาก แล้วเรื่องของเล่น...”
ดีโอที่น่าสงสารเอามือปิดหน้าไว้เมื่อผมพยายามจะก้มหน้าดูเขา
“จะไม่มีของเล่นอะไรทั้งนั้นที่รัก
มีแค่คุณและผม โอเคไหม” แต่ผมก็เอามือของเขาออกแล้วก้มจูบที่หน้าผากดีโอเพื่อปลอบ
ผมคิดว่าที่ผ่านมาผมคงทำตัวไม่ดีไว้กับเขามากๆ จึงเป็นแบบนี้
“แต่...” เขายังลังเล
ผมจึงเอามือแตะปากเล็กๆ นั่นแล้วพูดเสียงนุ่มที่สุดที่คิมไคคนนี้จะทำได้
“ผมขอโทษนะที่รักสำหรับเรื่องที่ผ่านมา
ให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหม”
“นี่ไม่ใช่รายการซ่อนกล้องใช่ไหม
ผมไม่เอานะ” ดีโอยังไม่ยอมแพ้
ผมจึงต้องยืนเอามือแผ่ออกด้านข้างให้เขาดูว่าไม่มีกล้องอะไรทั้งนั้น
ทันใดนั้นเขาก็ดึงคอเสื้อของผมให้ก้มลงมา
แล้วประทับจูบเบาบางต่อด้วยจูบหนักๆ
ที่เขาพยายามเริ่มก่อน มือน้อยวางหมับบนไหล่แล้วมือของผมก็กอดเอวของเขาไว้แน่น
“ฉันก็รักนายคิมไคแบดกายของฉัน”
The End
Special part by D.O.
“ดีโอ คุณ จะ ทรมานผม อ๊า
ไปถึงเมื่อไหร่”
คิมไคกำลังร้องขอผมเป็นครั้งที่ร้อยแล้วล่ะมั้งตั้งแต่กลับจากฮาวาย และก็เป็นอีกครั้งที่ผมตอบเหมือนเดิม
“จนกว่าผมจะพอใจนะที่รัก” ยิ้มเย็นๆ
แล้วเขาก็ทะยานไปถึงฝั่งโดยที่ผมยืนมองเฉยๆ
“แฮ่ก อย่าใจร้ายกับผมอีกเลยนะดีโอ”
ซึ่งก็เหมือนกับทุกครั้งที่ผมยืนมองเขาถูก ‘ลงโทษ’ อย่างสะใจ ก็ใครใช้ให้เขาทำผมร้องไห้ไปหลายวันเลยล่ะ
ใช่...
วันนั้นวันที่เขาทิ้งเงินหลายร้อยปอนด์บนหัวผมแล้วไล่ให้ผมไปจากเขาซะ
ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่ได้คิดแค่ว่าเป็นของเล่นแต่มันมากกว่านั้นมาตลอด
ผมร้องไห้เสียใจหลายวันที่เขาทิ้งผม
เคยคิดว่าสักวันก็ต้องจากกันมันไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้วกับการเป็นของเล่น
แต่ก็ใจแทบสลายเมื่อเห็นเขาจากไปกับคนอื่นแล้วทิ้งผมให้เสียใจอยู่คนเดียว
พอตั้งสติได้ก็คิดว่าจะไม่ไปให้เขาเห็นอีกแล้วแต่ใจเจ้ากรรมก็ยังคิดถึงเขาจนอยากเจออีกสักครั้ง
ถึงได้บ้าบิ่นไปขอโปรเฟสเซอร์ลงทะเบียนวิชาประดับยนต์ที่ราคาแพงสุดๆ นั่น
อยากเอาเงินคืนเพราะสิ่งที่ได้มาจากการโดนทิ้งมันมีค่าจนเงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้
แต่พอเจอหน้ากันผมกลับถูกเขาดูถูกอีกครั้ง
พยายามห้ามใจไม่ให้รักเขาแล้วแต่ก็ยังไม่พ้นขอให้เพื่อนเขาเล่าเรื่องคิมไคให้ฟัง
แถมยังโดนดูถูกอีกจนไม่กล้าไปพบหน้าอีก
ช่วงเวลาที่อยู่ฮาวายบีช
ผมเจ็บเจียนตายเลยล่ะ เพลงและเปียโนที่นั่นเท่านั้นที่ช่วยได้
แต่คิมไคก็หาผมจนเจอ
แล้วผมก็รู้ว่าไม่ใช่แค่ผมคิดไปเองแต่เขาก็มีใจให้เหมือนกัน
มันเหมือนสวรรค์เมื่อเขาบอกรักผมและเราก็ตกลงคบกัน
แต่ผมไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะ เด็กเหลือขอก็ต้องมีศักดิ์ศรีด้วยเหมือนกัน
“ที่รัก ผมสำนึกผิดแล้ว
ต่อไปผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจอีก นะครับ”
คิมไคเมื่อเห็นผมนิ่งไปก็เข้ามากอดแล้วออดอ้อนด้วยน้ำเสียงน่ารัก หึ อยากให้สาวๆ
ที่คลั่งเขามาเห็นซะจริงคิมไคที่นั่งกอดอ้อนเป็นลูกแมวเนี่ย
“จริงรึเปล่า คุณสำนึกแล้วใช่มั้ย”
ผมเห็นเขาทำหน้าเหมือนหมาน้อยหางตกก็สงสาร เขาไม่เคยทำตัวน่ารักขนาดนี้มาก่อน
น่ารักจนผมอดไม่ได้ต้องหอมแก้มสักที
อา...กลิ่นกายของเขาหลังจากเสร็จเรื่องอย่างว่ามันหอมหวานจริงๆ
“คุณใจอ่อนแล้วใช่ไหม
คืนนี้ผมขอนะที่รัก” พอเห็นผมใจอ่อนเขาก็เข้ามาไซ้คอจากด้านหลังทันที ผมเคลิ้มเพราะกลิ่นตัวเขาอยู่แล้วมันเป็นกลิ่นบรั่นดีที่เขาชอบและไอซ์บลาสต์
ก็เลยโน้มเอียงตามไม่ยาก
“เดี๋ยว คิมไค อ๊ะ” เขารุกเร็วมาก
จับส่วนอ่อนไหวของผมเอาไว้ไม่ฟังคำร้องขอเลย
“ขอนะครับที่รัก ผมอดทนมานานแล้ว
ปกติผมไม่เคยทนอะไรได้คุณก็รู้” เสียงทุ้มแปร่งเพราะแรงอารมณ์ของเขาทำผมแทบคลั่ง
มันก็จริงที่คิมไคไม่เคยทนอะไร แต่เขากลับอดทนไม่ทำอะไรผมมานานแล้ว
คงถึงเวลายกโทษให้พ่อแบดกายแล้ว
มือผมจึงจับมือเขาออกแล้วพลิกตัวเองกลับไปนั่งคร่อมเขาไว้
คิมไคเลิกคิ้วนิดหน่อยผมก็ก้มจูบเขาสอดลิ้นเข้าไปปลุกเร้าแล้วถูก้นกับหน้าขาอีกทางเพื่อยั่วยวน
“คุณจะมีเสน่ห์เกินไปละนะลูกแมวน้อยของผม”
คิมไคพูดขึ้นเมื่อผมผละปากออกมา
“ตอบแทนที่คุณรักผมและอดทนเพื่อผมน่ะ”
“ผมรักคุณดีโอ”
“ผมก็รักคุณคิมไค”
หลังจากบอกรักกันผมและคิมไคก็โหมกระหน่ำเพลงรักที่ผมเป็นคนเริ่มและเขาเป็นคนจบเพลง
คิมไคแบดกายเป็นของผมโดยสมบูรณ์แล้ว
End of Special part
…………………………………………………………………………………….
จบละจ้า
ขอบคุณที่มาอ่านนะ ชอบไม่ชอบก็แท็ก #kimkaibadguy #noeybdsf
เจอกันเรื่องหน้าจ้า
ปล.เรื่องนี้จะไปแจกงานสำคัญไคซูด้วย
อิอิ และจะมี special เพิ่มด้วย
เยิฟ
,พี่เนย @noeybaekbd
No comments:
Post a Comment