Sunday, March 22, 2015

[SF] Kim Kai Bad Guy – KaiDo [EXO] [NC-17] - 1

[SF] Kim Kai Bad Guy – KaiDo [EXO] [NC-17] - 1


Kim Kai Bad Guy - 1




พอรู้สึกตัวตื่นผมก็จะมีใบหน้านั้นนอนอยู่ข้างๆ เสมอ

ใบหน้ารูปไข่มีมุมป้านจากสันกรามแข็งแรงมีไรหนวด ผิวสีน้ำผึ้งที่มักหลอมละลายให้ผมตายใจในความหวานหอม ดั้งจมูกคมลูบไล้ได้ไม่เบื่อและดวงตาสีน้ำตาลทรงเสน่ห์ที่เบิกโพลงเมื่อผมลูบใบหน้าเขาไปทั่วอย่างนี้

เขาคือคิมไค

คิมไคหนุ่มฮอตของดรีมไฮคอลเลจ ขวัญใจของสาวๆ กว่าครึ่งคอลเลจซึ่งแน่นอนไม่ใช่ผม

“คุณทำให้ผมตื่นนะ” เสียงพูดที่สื่ออารมณ์หงุดหงิดกล่าวขึ้นเมื่อผมยังคงลูบไล้ใบหน้าของเขาอย่างห้ามใจตนเองไม่อยู่ มือหนาเข้ามาจับมือขาวสั้นป้อมของผมแล้วก็รออะไรบางอย่าง
“ผมขอโทษ” เขารอให้ผมเอ่ยปากยอมจำนนนั่นเอง

“คุณก็รู้ว่าคนทำผิดต้องได้รับการลงโทษ”
“ผมรู้...”

แล้วเขาก็จับมือผมให้วางลงกับเตียงนุ่มซึ่งมันไม่ยากเลยในเมื่อผมไม่เคยขัดขืนเขาได้สักครั้ง ร่างกายกำยำของเขาคร่อมร่างกายของผมทั้งหมดซึ่งมันก็เรียกเลือดขึ้นสีหน้าให้ผมได้ไม่น้อยเมื่อเขาไม่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ เลย

ผมเองก็เปลือยเช่นกัน

มือแกร่งจับสองมือน้อยให้ขึงพืดอยู่กับเตียงในขณะที่ใบหน้าคมนั้นโน้มเข้ามาหาใบหน้าผมเรื่อยๆ พร้อมกับเอ่ยเสียงปนรำคาญ

“ผมว่าคุณอาจจะต้องได้รับโทษหนักหน่อยล่ะ คุณนักโทษ”
“ผมยอม...” เขาไม่เคยปล่อยให้ผมได้พูดจบประโยคเลยสักครั้ง

ปากที่ยังกรุ่นกลิ่นแอลกอฮอล์บดเบียดและบุกรุกทั่วทุกอาณาเขตของปากผมอย่างไม่เกรงใจใดใด กลิ่นบุหรี่ไอซ์บลาสต์จางๆ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังมัวเมาอยู่ในไนต์คลับที่ไหนสักแห่งซึ่งคิมไคเป็นทั้งเจ้าของกิจการ บาร์เทนเดอร์และเด็กนั่งดริ๊งก์

ลิ้นสากที่โลมเลียตั้งแต่ปลายคางของผมไล่มาตามริมฝีปากบวมเจ่อเพราะฟันของเขามาเรื่อยเรียง ลากเส้นตีตราว่าผมเป็นของเขาในทุกอณูลมหายใจดุจพญาเหยี่ยวกำลังลิ้มชิมเนื้อหวานอยู่ไม่ปาน

ผมครางอื้ออึงในลำคอเมื่อเขาละมือหนึ่งมาเล่นกับติ่งไตสีชมพูที่หน้าอก ความเสียวซ่านกระจายทั่วตัวไปถึงจุดอ่อนไหวกลางลำตัวแม้อีกฝ่ายไม่จับต้อง เสียงครางออกจากลำคอทันทีเมื่อเขาผละปากลงไปซุกไซ้ที่ลำคอพร้อมกับทำรอยสีแดงแสดงความเป็นเจ้าของแทบทุกตารางนิ้ว

ผมตกเป็นทาสของเขาอีกครั้ง

มือหนาที่เคยเล่นกับดอกกุหลาบตูมสีชมพูละไปเล่นกับแท่งไฟนีออนขนาดเล็กเมื่อเสียงครางของผมยังไม่ดังสะใจเขา

“ฮึก อ๊า คิมไค โอ้ว”
“หึหึ”

ในขณะที่ผมครางด้วยความเสียวซ่านแบบทนไม่ไหวเขาก็หัวเราะอย่างสะใจที่เห็นผมต้องกำผ้าปูที่นอนแน่น ปากร้อนที่จูบทั่วทุกตารางนิ้วของผมยังไม่พบความอิ่มจึงโลมเลียไปถึงส่วนอ่อนไหวที่เคยเอามือกุมไว้พลางเลียและขบกัด

“อะ อย่า”

ผมร้องห้ามอย่างยากลำบากเมื่ออารมณ์พุ่งขึ้นเกือบสุดแล้วเขาก็แกล้งขบกัดเล็กๆ ให้รู้สึกเจ็บและแน่นร้าวตรงนั้น ลีลาเขามากพอเสมอ มากพอที่จะทำให้ผมจมลงกับความชำนาญในเกมรักและมากพอที่จะทำให้ผมยอมเขาอย่างหมดใจ

“อ๊ะ อ๊า ฮะ อื้อ อย่า คิมไค ขอร้อง โอ้ว”

ผมร้องอย่างไม่อายใครเพราะรู้ดีว่าในห้องนี้ไม่มีใครนอกจากเรา ยังไงเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้วว่าผมจะร้องดังขนาดไหนเมื่อผมยังร้องทุกครั้งที่เขาพยายามฉุดอารมณ์ให้พุ่งหรือหยุดเอาดื้อๆ

ครั้งนี้ก็เช่นกันเมื่อเขาหยุดเอาดื้อๆ ผมก็แทบจะคุกเข่าให้เขาทำต่ออย่างยอมจำนนแล้วทุกข้อหา

“คุณอยากจะขอร้องให้ผมทำอะไรล่ะ เด็กเหลือขอ”

เขามักจะแกล้งผมให้ได้อายเสมอ ใช่ ผมมันเด็กเหลือขอ

ผมมันแค่เด็กคนหนึ่งซึ่งเข้าดรีมไฮคอลเลจด้วยทุนการศึกษษาจากผู้ใจบุญ ใช้ชีวิตวันๆ ด้วยการเป็นเด็กเนิร์ดให้ทุกคนโขกสับและใช้งาน มันช่างต่างกับเขาเหลือเกินที่เป็นถึงฮอตกายของคอลเลจและสาวๆ ทุกคนต่างหมายปองเขา

ใช่ สิ่งที่เราทำอยู่ไม่ใช่การครอบครองหรอก มันคือการลงโทษล้วนๆ

เป็นการลงโทษของพระเจ้าที่ทำให้ผมหลงใหลในตัวเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นและการเป็นของเล่นนั้นก็ดึงดูดให้เขาเล่นกับผมตราบใดที่ยังไม่เบื่อ

ใช่...พอเบื่อก็ทิ้งไป...ก็เท่านั้น

“ขอร้องล่ะคิมไค ช่วยผมที อ๊า”

เขารู้ดีว่าผมหมายถึงอะไรแต่ปากหนากลับละเลยแล้วหันมามอมเมาผมด้วยการดึงลมหายใจแล้วแทนที่ด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์

บรั่นดีที่เขาดื่มทำให้ผมขมปากจนอยากอ้วกแต่ก็ทำให้รู้สึกเสพติดจนต้องข่มใจกลืนลงไปให้หมด

“ผมว่าคุณต้องทำให้ผมก่อนนะที่รัก”

แล้วเขาก็นอนลงแล้วถกผ้าห่มออกให้เห็นแท่งกายที่ขัดขืน มันไม่จำเป็นต้องบอกอะไรเพิ่มเลยเพราะผมก็รู้หน้าที่ตัวเองดี มือขาวซีดจึงกอบกุมแท่งกาวร้อนๆ นั่นแล้วดูดดึงให้เต็มรักเพื่อสนองตอบแลกกับความต้องการในสิ่งที่เขาจะมอบให้เมื่อผมทำให้เขาพอใจ

“อ่าส์ อย่างนั้นแหละ ดีโอ”

เมื่อเขากล่าวชื่อผมมันก็ยิ่งทำให้ใจสั่นระรัวด้วยความดีใจ เขาจะพูดถึงมันเมื่อเขาพอใจในสิ่งที่ผมทำเท่านั้น การหลอมแท่งกาวร้อนนี้ไม่เสียเปล่าจริงๆ

“อ๊า อุ่ก อื้อ”

ผมพยายามสูดหายใจอย่างยากลำบากเมื่อเอาปากที่เล็กไปสำหรับเก้านิ้วของเขาออกมาแต่ก็ถูกมือหนากดให้เข้าไปอมอีกครั้งจนมันเต็มปากไปหมด

“คุณไม่มีสิทธิ์หยุดที่รัก จนกว่าผมจะพอใจ”

เขามักจะเอาแต่ใจอย่างนี้เสมอ แต่ผมก็ยอมตลอด

“อ่าส์ ฮะ อ้า อื้ม โอ้ว”

จนกระทั่งเขาถึงจุดสูงสุดของความพอใจจากปากผมที่โลมเลียขบกัดไม่หยุดนั่นแหละ มือหนาจึงจะยอมให้ผมผละปากออกแล้วเอานิ้วล้วงเข้ามาเพื่อกลั่นแกล้ง

“อ๊ะๆ อย่าคายล่ะที่รัก คุณต้องกลืนให้หมด”

ยิ่งกว่าการหลอมละลายตัวผมเมื่อเขาแกล้งเอานิ้วล้วงไปทั่วปากผมก่อนจะใช้นิ้วนั้นสอดเข้าไปในช่องทางด้านหลังแบบไม่บอกกล่าว

“คิมไคอย่า อ๊ะ ฮึก”

จะร้องห้ามก็ไม่ทันเมื่อเขาจับผมนอนคว่ำแล้วใช้นิ้วสองนิ้วสอดเข้าออกอย่างรวดเร็ว

“ฮะ อ๊ะ คิมไค อ๊ะ อื้อ ฮื่อ”

ทรมานเจียนจะขาดใจเมื่อเขาใช้นิ้วที่สามเข้ารุกรานพร้อมทั้งยังไม่ช่วยปลดปล่อยส่วนบวมเป่งด้านหน้าแม้แต่น้อย

“ชะ ช่วย ผม อ๊า ช่วยผมปล่อย อื้อ หน่อย”

จึงต้องร้องขอเพื่อให้อีกฝ่ายช่วยเพราะมือผมต้องจับผ้าปูที่นอนเพื่อระบายอารมณ์ที่โหมขึ้นสูงหากแต่ยังปล่อยไม่ได้ในตอนนี้

“ไม่ได้หรอกดีโอ ผมต้องก้าวนำหน้าคุณเสมอจำไม่ได้เหรอ ก้าวแรกของคุณต้องเป็นก้าวที่สองของผมเสมอที่รัก”

เขาพึงพอใจสุดๆ แล้วตอนนี้เมื่อช่องทางมันพร้อมให้สอดใส่ แท่งร้อนที่ปล่อยน้ำมาหนึ่งรอบแต่ไม่ยอมอ่อนลงแทรกเข้ามาในร่างกายผมพร้อมกับทำหน้าที่เป็นดั่งไฟหลอมร่างที่ทำให้เจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์

มือของผมจับผ้าปูแน่นขึ้นด้วยเจียนจะขาดใจจากการกระแทกอันรุนแรงและหนักหน่วง เขาสอดแทรกไม่พอยังส่ายวนเพื่อความพอใจในอารมณ์ของตนเองอย่างไม่เกรงใจผมสักนิด

อา...ใช่สิ ก็แค่ของเล่นจะเอาอะไรนักหนา

“อาส์ ยังรัดแน่นเหมือนเคยนะดีโอ อาส์ ซี้ด คุณเกร็งเพราะเจ้านี่ใช่มั้ย”

ขอบคุณสวรรค์ที่เขายังมีแก่ใจเห็นความอึดอัดของผม

“อ๊า คิมไค ขอร้องล่ะ อ๊า อย่างนั้น อ๊ะ ฮะ” มือหนาจึงเข้ามาลูบและชักเข้าออกที่แก่นกายผม ความผ่อนคลายเริ่มเข้ามา “เข้ามาอีก กะ ก็ได้ อื้อ” ผมเลยยอมให้เขารุกรานเข้ามาได้อีกหน่อย

“อ๊า คิมไค อ๊า ไม่ไหวแล้ว อ๊า” มือของเขาที่ช่วยปรนเปรอเกือบจะส่งผมไปสวรรค์อยู่แล้ว
“รอผมด้วย อ่าส์ ดีโอ อ่าส์ อีกนิด ฮะ อ่า อ้า” เขาก็ใกล้แล้วเหมือนกันเพราะตอนนี้ช่องทางด้านหลังของผมมันไม่บีบแน่นและพร้อมรับน้ำเชื้อแล้ว

“อื้ม/อ่าส์” เขาและผมไปพร้อมกันอย่างที่บอกไว้แต่แรกจริงๆ

“คุณยังทำให้ผมพอใจได้เรื่อยๆ เลยนะเด็กเมื่อวานซืน” เสียงแหบปร่ากระซิบข้างหูเมื่อผมหมดแรงนอนแบบกับเตียง

“คุณก็เหมือนกัน” ผมมีแรงตอบแค่นี้ก็ผล็อยหลับอย่างอ่อนแรงราวกับไปวิ่งมาหนึ่งกิโลเมตรทันที




.......................



ดรีมไฮคอลเลจแห่งนี้มีหอพักหลายระดับตามความหนาของเงินที่คุณจ่ายในแต่ละปีให้เลือกสรร

แน่นอนว่าหอพักของผมระดับต่ำสุด และทุกคนก็รู้ดี

มันจึงลำบากไม่น้อยเมื่อพยายามหลบออกจากวิลล่าส่วนตัวของคิมไคเนื่องจากครั้งนี้ผมดันเผลอหลับจนออกมาตอนที่ฟ้าสว่าง แสงแดดที่สก็อตแลนด์ยาร์ดยังทำหน้าที่ของมันได้ดีเสมอ ผู้คนจึงมีไม่น้อยเมื่อผมต้องออกมาอย่างนี้

กริ๊ง!

แล้วผมก็พบตัวช่วย เมื่อพวงกุญแจหล่นตรงหน้ามาจากไหนไม่ทราบ ถ้าให้คิดก็คงจากคนที่ตื่นแล้วโยนมาให้ผมเนี่ยแหละ

“คันที่สองจากซ้ายมือ หมวกกันน็อกและแจ็คเก็ตแขวนอยู่ข้างๆ” เสียงง่วงๆ พูดปนรำคาญที่เห็นผมไม่ออกไปสักที

ผมดีใจสุดๆ ที่เห็นเขายอมให้ดูคาติคันหรูออกไปวิ่งเล่นกับผม เลยเหลือบมองว่าเขาทำสีหน้ายังไง แต่ก็นั่นแหละจะดีใจไปทำไมเขาไม่ได้คิดอะไรหรอก

เขาจะใจดีกับของเล่นทำไม

ก็เลยเดินไปหยิบเอาหมวกกันน็อกสีดำและแจ็คเก็ตดำเข้าชุดซึ่งหลวมไปหน่อยสำหรับผมแล้วก็ขึ้นควบดูคาติสีดำสนิท 1198SP รุ่นดัดแปลงเฉพาะคิมไคออกไปอย่างไม่อิดออดซึ่งมันกลับให้ความรู้สึกที่ดีมากเมื่อได้ขับฉวัดเฉวียนไปทั่วคอลเลจอย่างที่เวลาปกติต้องไม่ได้ทำแน่ๆ

สาวๆ ส่วนหนึ่งถึงกับกรี้ดกร๊าดเมื่อผมขี่รถเข้าไปใกล้ ผมก็สนุกไม่น้อยกับการขับขี่แบบที่เฉียดผู้คนไปมาอย่างนี้

ก็ไม่มีใครมองออกหรอกว่านี่คือดีโอเด็กเนิร์ดที่เอาแต่ก้มหน้าเรียนไปวันๆ คนนั้น

ผมขับไปจนใกล้ถึงย่านหอพักระดับต่ำจึงค่อยๆ เอารถจอดในที่ลับตาคนพร้อมเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นจึงถอดแจ็กเก็ตและหมวกกันน็อกออก

ไว้รอมืดอีกครั้งค่อยเอาเจ้านี่ไปคืนเจ้าของเขาละกันกัน ยังไงผมก็ไม่ได้นอนที่หอพักอยู่แล้วล่ะคืนนี้

“คิมไค?”

แต่ผมคาดการณ์ผิดไปหน่อยเมื่อสาวผมบลอนด์ผิวสีแทนคนหนึ่งยืนดักทางตรงนี้พร้อมกับลิ่วล้อของเธออีกสองสามคน

“ไม่ใช่ครับ ผมขอตัว” ปฏิเสธอย่างสุภาพเมื่อผมไม่ใช่คนที่เขาถามหากแต่มือสวยก็ยกขึ้นมาเหมือนก้ามปูหนีบแขนผมไว้พร้อมถามเสียงแข็งอีกรอบ

“ฉันหมายถึง รถของคิมไคใช่ไหม?” แขนทั้งสองข้างของผมถูกลิ่วล้อของเธอจับไว้ ไม่ใช่ว่าผมสู้แรงพวกเธอไม่ได้ แต่เรียกว่าผมไม่อยากจะสู้ดีกว่า
“ผมไม่รู้ว่าคุณหมายถึงอะไร?” มันคือคำตอบเลี่ยงคำถามที่ผมคิดได้เมื่อกี้นี้เอง อ่า ถ้าเธอโง่ เธอจะเชื่อผม แต่ก็นั่นแหละกระเป๋าชาแนลของแท้นั่นบอกได้ว่าเธอไม่โง่เท่าไหร่

“นายเป็นอะไรกับคิมไค!?” ว่าว! คราวนี้เธอตะคอกเลยล่ะ
“ไม่ได้เป็นอะไร...”
“โกหก!

แล้วเธอก็ตบผมจนหน้าหันไปเลย อ่า ชาหน้าชะมัด

“อย่ามายุ่งกับคิมไคถ้านายยังอยากอยู่ดรีมไฮคอลเลจ เขาเป็นของฉัน!

แล้วเธอก็จากไปทิ้งให้ผมเช็ดเลือดข้างๆ ปากด้วยเสียงหัวเราะขื่นๆ อ่า ผมไม่โกรธเธอหรอกนะเพราะคนที่แสดงความเป็นเจ้าของคิมไคน่ะมีอยู่ทั่วคอลเลจ แต่ผมกำลังโทษตัวเองต่างหากที่ยอมเอารถที่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นของเขามาขี่ สาวๆ ทั่วคอลเลจเลยตื่นตูมกันไปหน่อย

เดี๋ยวคืนนี้เอาไปคืนก็บอกละกันว่าวันหลังไม่ขอยืมรถแล้วล่ะ



......................................

“นายเป็นอะไรกับคิมไค”

ผมไม่คิดเลยว่าการที่เขาเอารถคิมไคออกมาโลดแล่นวันเดียวจะสร้างปัญหาให้ขนาดนี้ ไม่เพียงแต่สาวๆ ที่เขาเคยคั่ว แต่พวกผู้ชายที่เคยมีเรื่องกับคิมไคก็เข้ามาถามไม่หยุดหย่อน

“ฉันขโมยรถเขามา”

ก็ไม่อยากโกหกแต่ไม่อยากบอกว่าเป็นของเล่นมันเสียศักดิ์ศรีมากกว่าก็เท่านั้น

“หึ นายคิดว่าคิมไคจะขอบคุณฉันมั้ยล่ะ ที่จับขโมยส่งไปให้เขา” เจ้าเบิ้มนั่นแสยะยิ้มเมื่อคำตอบของผมมันทำให้เขารู้สึกอยากจะทำอะไรสนุกๆ อย่างเล่นเกมจับผู้ร้ายส่งตัวให้เจ้าทุกข์

“อา...คิมไคน่ะไม่สนุกกับคุณหรอกนะครับพี่เบิ้ม”
“ก็ลองดูไหมล่ะ เอาตัวมันไป อ้อ เดี๋ยวก่อน” พี่เบิ้มบอกให้ลูกน้องมาพาตัวผมไปแต่ก็ชะงักไว้ก่อนจะต่อยผมสองสามทีอย่างเต็มแรงเพื่อสร้างบาดแผล

“อุ่ก” ตอนต่อยที่ท้องมันทำให้ผมจุกไม่น้อย
“ถ้าขโมยไม่มีแผลซะบ้าง คิมไคน่าจะไม่สะใจนะ นายว่าไหม” พูดพลางทำสีหน้าสะใจผมเลยยิ้มให้เพื่อตอบแทน
“นั่นสินะครับพี่เบิ้ม”
“หนอย เอาตัวมันไป!


ผมเลยต้องมาวิลล่าของคิมไคในตอนเย็นๆ แทนที่จะเป็นตอนดึกๆ อย่างที่คิดไว้แต่แรกซะงั้น

“มีอะไร?” เสียงง่วงๆ ออกมาจากประตูบ้านวิลล่าเมื่อพวกพี่เบิ้มส่งเสียงเรียกเจ้าของเสียงดังลั่นพร้อมกับเคาะรถดูคาติแสนรักของคิมไคไปพลาง

“ฉันเอาหัวขโมยรถสุดรักของนายมาส่ง หน้าตามันก็น่ารักดีนะ นายว่าไหมล่ะ” พี่เบิ้มพูดพลางบีบแก้มผมให้เงยหน้าไปมองชายหนุ่มที่เปลือยท่อนบนและใส่เพียงกางเกงยีนส์ขาดๆ ตัวละหลายร้อยปอนด์นั่น

เขาเซ็กซี่เสมอเมื่อยามมองตรงมายังผม แม้ตาจะบวมนิดหน่อยจากการโดนต่อย แต่ความคาริสม่าของเขาก็ยังไม่จางหายไปจากสายตาของผมเลย มัดกล้ามที่ผู้คนเรียกว่าซิกส์แพ็คสุดเซ็กซี่ของคิมไคขึ้นอันดับซิกส์แพ็คยอดนิยมของคอลเลจเสมอ สาวๆ หลายร้อยคนยินยอมที่จะเสียเงินเป็นพันปอนด์เพื่อให้ได้สัมผัสมัน

ซิกส์แพ็คสีช็อคโกแลตที่ผมได้สัมผัสทุกครั้งและบ่อยเกือบทุกคืนช่วงนี้กำลังดึงดูดสายตาบวมเป่งให้หายเจ็บได้ดีเลยล่ะ

“เอามันไว้ตรงนั้น” คิมไคตอบเสียงเรียบพลางทำท่าจะกลับเข้าวิลล่า อา... ผมบอกพี่เบิ้มแล้วนะว่าเขาไม่สนใจหรอก

“โธ่เว้ย ไอ้ขี้เก็ก” พี่เบิ้มเห็นว่ายั่วคิมไคไม่ได้ผลเท้าอันใหญ่ของพี่เขาเลยเตะเข้าที่ตัวถังรถดูคาติจนเป็นรอยนิดหน่อย

เก๊ง!

เสียงนั้นเรียกให้คิมไคหันหน้ามาพร้อมกับทำหน้าเหลืออด

อา... เจ้าพวกนั้นกระตุกต่อมโมโหของคิมไคซะแล้ว

ผมไม่จำเป็นต้องหลบไปไหนเลยเพราะทุกพื้นที่หน้าวิลล่ากลายเป็นสถานที่ตะลุมบอนหลังจากคิมไคตั๊นหน้าพี่เบิ้มเต็มเปา ผมไม่ค่อยเป็นห่วงเขาหรอกเพราะคิมไคถึงจะตัวไม่ใหญ่เท่าพี่เบิ้มแต่กล้ามเนื้อที่เป็นมัดของเขามันแข็งแรงสุดๆ อยู่แล้ว

แน่นอน ก็ผมลูบอยู่ทุกวัน

คิมไคต่อยพวกนั้นทีละคนอย่างใจเย็นสลับกับถีบและเตะหนักหน่วงชนิดทีเดียวจุกใส่ลิ่วล้อและพี่เบิ้มจนพวกนั้นล้มลงทั้งหมด ร่างหนาก็มาหยุดยืนอยู่หน้าดูคาติสุดที่รักพร้อมกับมองผมอย่างคาดโทษ

“นายทำให้ฉันต้องออกกำลังกายโดยไม่ใช่เรื่อง”

ผมไม่มีคำแก้ตัวใดๆ นอกจากก้มหน้าสำนึกผิดเขาจึงเข้ามาแกะเชือกที่มัดตัวให้ อา...ที่หางคิ้วของเขามีรอยแตกนิดหน่อย เขาต้องการการทำแผลไหมนะ

แต่ทันใดนั้นผมก็เห็นพี่เบิ้มลุกขึ้นพลางคว้าไม้หน้าสามจะมาฟาดใส่หลังคิมไคของผม

สัญชาตญาณจึงทำให้ขยับตัวเข้าไปรับไม้พี่เบิ้มนั่นแล้วความรู้สึกปวดก็แล่นริ้วจากกลางหลังขึ้นไปบนหัวอย่างรวดเร็ว เกิดเสียงเป๊าะ! ดังขึ้นในหัวผมพร้อมกับสติที่ดับวูบ

“นาย!

สีหน้าเป็นห่วงหรือตกใจกันนะที่เขามองมาทางผมน่ะ




...........................................


“อือ” คำแรกที่พูดออกมาคือเสียงครางที่ผมก็จับใจความตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ผมกำลังนอนอยู่บนที่นอนเดิมเมื่อคืนคือเตียงคิมไคต่างกันนิดหน่อยที่เขานั่งฟุบหลับอยู่ข้างเตียงพร้อมกับเอามือผมไปกุมไว้ซะงั้น

ค่อยๆ ขยับมือออกมาก็พบว่าเขาตื่นเพราะผมอีกแล้ว พอพยายามจะลุกขึ้นอาการปวดหลังก็จี้ดขึ้นมาจนรู้สึกโงนเงนต้องล้มตัวลงนอนอีกรอบหนึ่ง

“ไม่ต้องลุก” แล้วผมก็โดนเขาดุด้วยน้ำเสียงรำคาญจนได้
“ผมขอ...”
“ไม่ต้องขอโทษด้วย” เขาขัดคำขอโทษของผมด้วยน้ำเสียงเดิมอีกครั้ง ผมต้องเงียบสินะ

“นอนอยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะอนุญาตให้ลุก” ทิ้งคำสั่งไว้แล้วเขาก็ออกไป



ผมก็กะว่าจะทำตามที่เขาสั่งนะ ถ้าแม่สาวผมบลอนด์คนเดิมไม่เข้ามาที่นี่ ที่ห้องนี้พร้อมกับพรรคพวกอีกเป็นสิบ

พวกเธอกรูกันเข้ามาฉุดกระชากผมออกจากที่นอนแล้วลากผมไปหน้าบ้านพร้อมกับบังคับให้ผมนั่งคุกเข่าอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ร้อนๆ นั่น เพื่อรอคิมไคกลับมา

จะเอาอะไรกันอีก

“คิมไค!” สาวผมบลอนด์เรียกคิมไคที่เอาปอร์เช่มาจอดที่วิลล่าทันที เขาเลิกคิ้วนิดหน่อย แล้วก็เข้ามาหาเจ้าหล่อน
“ว่าไงแพทริเซีย” แน่นอนว่าเขาไม่ปรายตามองผมที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ

“นายคนนี้เป็นใคร เป็นอะไรกับคุณ” แม้คิมไคจะเอามือแกร่งจับเอวหล่อนไว้แต่น้ำเสียงเกรี้ยวกราดก็บอกให้รู้ว่าเธอยังไม่พอใจอยู่ดี

เธอคนนั้นคงสำคัญสำหรับคิมไคสินะเขาถึงได้ไม่มองมาทางผมสักนิด

“หมายถึงนายคนไหน?”
“คนที่นั่งคุกเข่าตรงนี้ไง” เธอลดเสียงลงหน่อยเมื่อคิมไคโน้มตัวมากอดเธอไว้ทั้งสองมือ ผมบอกแล้วว่าเขาไม่ปรายตามองสักนิดว่าผมอยู่ตรงนี้ ร่างสูงเริ่มจูบเจ้าหล่อนทันทีส่งผลให้พรรคพวกของเธอพากันสูดปากกันใหญ่

เวลาคิมไคจูบน่ะมันเรียกให้สาวๆ คอลเลจมองเขาอย่างหลงใหลเสมอเลยล่ะ

แต่ผมบอกแล้วนะว่าไม่ได้ผลกับผมน่ะ ที่ต้องกัดปากเพราะตอนนี้อากาศร้อนเท่านั้นเอง

“คุณแน่ใจนะว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ” แพทริเซียยังไม่หยุดถามเมื่อเขาผละริมฝีปากออก คิมไคทำสีหน้ารำคาญมาทางผมนิดหน่อยแล้วก็ขว้างเงินปอนด์ก้อนหนึ่งซึ่งมันคงจะไม่น้อยกว่าห้าร้อยปอนด์ลงมากลางหัวผมพอดี

“ก็แค่เด็กเหลือขอที่ได้ทุนการศึกษาน่ะ คุณจะไปต่อกับผมได้รึยังล่ะ” 

เขาพูดแค่นั้นแล้วก็เดินพลางโอบเอวสาวสวยที่ยิ้มเยาะผมอย่างกับว่าได้ตบหน้าสักฉาดไปที่ประตูวิลล่าท่ามกลางเสียงกรีดร้องของสาวๆ บางคนซึ่งหนวกหูผมชะมัด

ผมก็เลยลุกขึ้นจากตรงนั้นเมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปตามทาง แม้อาการเจ็บหัวจะเกิดจากการที่ผมโดนพี่เบิ้มฟาดมาแต่อาการเจ็บจี้ดที่อกข้างซ้ายนี่มันยังไงกันนะ

ยิ่งได้ยินเสียงครางดังมาจากทิศทางห้องนอนของคิมไคก่อนเดินจากมา ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าปวดใจจนจำไม่ได้เลยว่าเดินกลับถึงหอไปได้ยังไงพร้อมเงินห้าร้อยปอนด์และน้ำตาที่ไหลตลอดทาง

อา...ผมเป็นของเล่นที่ถูกทิ้งแล้วสินะ



..........................................................................

เจ็บมั้ยอ่ะ หน่วงมะ คือคิมไคแบดกายมากอ่ะ ออกมาจากฝันพี่เอง ถ่อว
ฟิคนี้เป็นฟิคสั้น 2 ตอนจบนะ ตอนหน้ามาดูบทสรุปกัน
ชอบก็เม้นหรือติดแท็ก #kimkaibadguy #noeybdsf ในทวิตเน้อ
,พี่เนย @noeybaekbd
…………………………………………………………..




No comments:

Post a Comment